เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร นำหมายค้นของศาลอาญาเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 3 จุด ในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปทุมธานี

สืบเนื่องจากได้รับแจ้งว่า มีกลุ่มบุคคลมีพฤติการณ์ในการนำเข้าสารไกลโฟเซต ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยสำแดงผ่านพิธีการศุลกากรเป็นเท็จว่าเป็นสาร 2,4D ไดเมทิลแอมโมเนียม อันเป็นความผิดในข้อหานำเข้าและครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นวัตถุอันตรายปลอม และไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 23 วรรคแรก มาตรา 45(1) ประกอบมาตรา 47(2) มาตรา 45(4) แห่ง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งสารไกลโฟเซตดังกล่าว จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ที่รัฐจำกัดปริมาณการใช้งาน เนื่องจากเป็นสารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้งาน เช่น อาจก่อให้เกิดมะเร็ง หรือหากได้รับสารเคมีในปริมาณมากอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

คณะพนักงานสอบสวนได้รายงานถึงผลปฏิบัติการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 3 จุด มีดังนี้ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรเข้าตรวจค้นบริษัท ย่านซอยลาดพร้าว แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ และบริษัทในพื้นที่เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบริษัทที่นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าสารไกลโฟเซตที่มีการอายัดไว้ก่อนหน้านี้

ต่อมาวันที่ 21 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ได้ทำการขยายผลต่อเนื่องโดยนำหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นบริษัทอีกแห่งในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเกี่ยวข้องกับการซื้อขาย อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดเก็บสารไกลโฟเซต เพื่อค้นหาพยานหลักฐานซึ่งเป็นข้อมูลการซื้อขายสินค้าของกลางในคดี และความเชื่อมโยงผลการตรวจค้น สามารถยึดสารไกลโฟเซต ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 ทั้งสิ้น 721 ถัง ปริมาณ 144,200 ลิตร มูลค่าประมาณ 17 ล้านบาท และมอบให้กรมวิชาการเกษตรขนย้ายไปเก็บรักษาที่ศูนย์วิจัยยาง จังหวัดฉะเชิงเทรา ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป.