ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า การออกกฎหมายมาของแต่ละกระทรวง ก็ต้องเดินหน้าทำตามกฎหมายนั้นๆ เพราะถือว่าเป็นกฎหมายในการพัฒนาประเทศ เพื่อแก้กฎระเบียบข้อบังคับให้เป็นสากล ที่สามารถทำได้แต่ต้องเข้ากฎเกณฑ์ พร้อมระบุว่า นายทักษิณ เข้าเกณฑ์ เพราะโทษไม่เกิน 4 ปี ไม่ได้เป็นบุคคลที่อยู่ในข่ายน่ากลัวของสังคม

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ มองว่าการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ของ นายทักษิณ นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ถึงแม้ตอนอยู่ต่างประเทศจะดูแข็งแรง “เพราะหากลองถูกคุมขังสัก 2-3 วัน ชีวิตมันเครียด ถ้าจะต้องเสียอิสรภาพ ลองเข้าไปสักคืนสองคืนจะนอนไม่หลับ คนอายุมากก็จะป่วย เป็นความเสี่ยงที่จะคุมขังไว้ ทุกคนต้องการความปลอดภัย ไม่ต้องรับผิดชอบมาก เมื่อเกิดขึ้น จึงมีเหตุผลที่จะนำตัวส่งโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ต้องขังมีความปลอดภัยมากที่สุด”

ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง นักโทษที่มีอายุมาก ใช่ว่าทุกคนจะได้รับการคุมขังนอกเรือนจำ หลายๆ คนที่ยังคงถูกคุมขังในเรือนจำ และการออกมาพูดเช่นนี้ของ นายสมศักดิ์ ยิ่งทำให้สังคมนึกย้อนรอยในอดีตว่า เป็นการต่อรองเพื่อขอเข้าไปอยู่ในสังกัดพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ในช่วงก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมาหรือไม่

ล่าสุดในที่ประชุมสภาผู้เแทนราษฎร สส.พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องการรับโทษของ นายทักษิณ ว่า เท่าเทียม-เสมอภาค หรือไม่ และโรคที่ป่วยนั้น ทำไมต้องรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ รวมถึงระเบียบคุมขังในสถานที่คุมขัง เอื้อประโยชน์ต่อนายทักษิณหรือไม่

ซึ่งด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ก็ลุกขึ้นตอบคำถามนี้ โดยย้ำว่า การเข้าสู่กระบวนการของนายทักษิณนั้น เป็นไปตามเจตนารมณ์กฎหมายของกรมราชทัณฑ์ชัดเจน ซึ่งกรณีของ นายทักษิณ หากจะต่อขยายระยะเวลาออกไป จะต้องมีหนังสือเห็นชอบจากกรมราชทัณฑ์ และความเห็นของแพทย์ แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่ได้รับหนังสือขยายเวลาในการรักษา

การตอบคำถามกระทู้ถามสดของ รมว.ยุติธรรม ดูเหมือนจะยังเป็นคำตอบที่ไม่ตรงคำถาม แต่เป็นเพียงการย้ำข้อมูลที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว ซึ่งถ้าคำตอบมีเพียงแค่นี้ คำถามของสังคมที่มีต่อการทำงานของระบบยุติธรรมของไทย คงต้องเป็นที่ค้างคาใจของหลายๆ ฝ่าย

ยังไงก็ดี เรื่องนี้ยังคงค้างคาใจประชาชน ที่ไม่เห็นด้วยกับการเข้ารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมของ นายทักษิณ ที่ดูเหมือนจะได้รับสิทธิพิเศษ ในการควบคุมตัว เพราะอย่าลืมว่าการพักอาศัยอยู่นอกประเทศของ นายทักษิณ กลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องให้เดินทางกลับเข้ามารับโทษ โดยต้องได้รับความเสมอภาคและเท่าเทียมเฉกเช่นนักโทษคนอื่นๆ ไม่ใช่การรักษาตัวอยู่บนชั้น 14 ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นการคุมขังที่แสนจะมีอภิสิทธิ์เหนือนักโทษทั่วไป

และหากยังคงมีการขยายระยะเวลาออกไปเรื่อยๆ รวมถึงมีกฎระเบียบให้คุมขังนอกเรือนจำได้ ไม่อยากจะคิดเลยว่า กลุ่มเคลื่อนไหวที่ต่อต้านการทำงานของนายทักษิณ จะหยิบรองเท้าผ้าใบ พร้อมกับใจที่เต็ม 100 ออกมารวมพลกันกลางถนนเพื่อเรียกร้องความเสมอภาคให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงหรือไม่ ซึ่งเราก็ต้องมาคอยดูกันว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ จะจบลงที่ตรงไหน หรือจะกลายเป็นมหากาพย์ไม่รู้จบ