เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายแก๊งเงินกู้นอกระบบของ น.ส.เสาวลักษณ หรือเจ๊ปุ้ม โดยรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายค้นศาลจังหวัดชลบุรี 6 เป้าหมาย ที่มีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงเป็นหัวหน้าโต๊ะเงินกู้และลูกน้องในเครือข่าย และเข้าปฏิบัติการพร้อมกัน และทำการจับกุม นายสพล (ขอสงวนนามสกุล) หนึ่งในหัวหน้าโต๊ะ, น.ส.สายธาร (ขอสงวนนามสกุล), นายสุขสันต์ (ขอสงวนนามสกุล), นายเบญจพล (ขอสงวนนามสกุล), นายสรายุทธ (ขอสงวนนามสกุล) หนึ่งในหัวหน้าโต๊ะ, นายสิทธิชัย (ขอสงวนนามสกุล), นายนาวิน (ขอสงวนนามสกุล) หนึ่งในหัวหน้าโต๊ะ และนายจักรพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) รวม 8 ราย

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ มีคู่สามี-ภรรยา มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โดยแจ้งว่าเป็นผู้ประกอบอาชีพเก็บเงินกู้นอกระบบให้กับ น.ส.เสาวลักษณ์ หรือเจ๊ปุ้ม หัวหน้าแก๊งเงินกู้ ซึ่งปล่อยเงินกู้นอกระบบให้กับประชาชนโดยทั่วไปในแถบพื้นที่ อ.ศรีราชา และเมืองพัทยา จ.ชลบุรี แล้วถูก เจ๊ปุ้ม ทำร้ายร่างกายโดยใช้ด้ามปืนตบหัว แล้วให้ลูกน้องรุมทำร้ายด้วยไม้เบสบอล และขวดตีตามตัว บาดเจ็บนิ้วหัก หัวแตกเย็บ 6 เข็ม และมีบาดแผลบนใบหน้าบริเวณดวงตา พร้อมกับโดนข่มขู่ถึงชีวิต ซึ่งต่อมาได้มีการออกหมายจับและติดตามจับกุมตัว เจ๊ปุ้ม พร้อมลูกน้องที่ก่อเหตุ มาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้ว เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา

ต่อมา บก.สส.ภ.2 ได้มีการสืบสวนขยายผลเกี่ยวกับเครือข่ายแก๊งเงินกู้นอกระบบของ เจ๊ปุ้ม ทั้งหมด พบพฤติการณ์ว่า เครือข่ายดังกล่าวได้ประกอบธุรกิจเงินกู้นอกระบบ มานาน 3–4 ปี มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ หัวหน้าเครือข่าย, หัวหน้าโต๊ะย่อย, ฝ่ายหาลูกค้า และเด็กเก็บเงิน มีการแบ่งกระจายเป็นกลุ่มย่อยๆ มีหัวหน้าโต๊ะเงินและลูกน้องแต่ละชุด ปล่อยเงินกู้ให้กับประชาชนโดยทั่วไป โดยการประกาศโฆษณาผ่านใบปลิวและช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ มีทั้งรูปแบบการปล่อยเงินกู้แบบรายวัน ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 2 ต่อวัน และแบบรายเดือน ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 60 ต่อเดือน หรือร้อยละ 720 ต่อปี มีเงินหมุนเวียนในเครือข่ายหลายล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้จากสืบสวนยังทราบอีกว่า เครือข่ายแก๊งเงินกู้ดังกล่าว มีพฤติกรรมในการทวงหนี้ที่ทำให้ลูกหนี้เกิดความกลัว ด้วยวิธีการข่มขู่และคุกคามในรูปแบบต่างๆ และเคยก่อเหตุทำร้ายลูกหนี้ที่จ่ายยอดหนี้ไม่ตรงตามกำหนดอีกด้วย จึงรวบรวมหลักฐานขอหมายเข้าจับกุมดังกล่าว

เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาในฐานความผิด “ร่วมกันประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด” ซึ่งฐานความผิดดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินของกลาง โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง, พระเครื่อง 25 องค์, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง, สมุดบัญชีลูกหนี้ 4 เล่ม, รถยนต์กระบะ 1 คัน, ทองคำแท่งและทองรูปพรรณ รวมน้ำหนักประมาณ 175 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 7,000,000 บาท ซึ่งทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งหมดเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินนอกระบบ

นอกจากนั้ยังตรวจค้นพบ อาวุธปืน 1 กระบอก, กระสุนปืน 15 นัด และแม็กกาซีนปืน 1 อัน อยู่ภายในรถยนต์ของ นายสพล จึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมในฐานความผิด “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน” ไว้อีกคดีหนึ่งด้วย และได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป