เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี ชาว จ.ลำพูน เข้าร้องเรียน สำนักงานชมรมสื่อมวลชนภาคเหนือ เพื่อขอความเป็นธรรม อ้างว่าถูกตำรวจยศ ร้อยตำรวจตรี สังกัดงานจราจรโรงพักแห่งหนึ่ง ใน จ.ลำพูน หลอกให้รัก ลวงจดทะเบียนสมรสปลอม แถมยืมเงินกว่าครึ่งล้านหนีหาย

น.ส.เอ เล่าว่า รู้จักชอบพอคบหากับตำรวจนายดังกล่าวมานาน 3 ปี ทุกอาทิตย์จะมาหานอนค้างที่บ้านตน ที่ อ.เมือง จ.ลำพูน ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะทำงานราชการ จากนั้นไม่นานก็เริ่มออกลายขอยืมเงิน ครั้งแรก 1,000 บาท หลังจากนั้นก็ยืมมาเรื่อยๆ จากหลักพันจนถึงหลักหมื่น เยอะสุดอ้างว่านำเงินไปเรียนสอบนายร้อย ยืมไป 50,000 บาท ขอยืมเรื่อยๆ หลายร้อยครั้ง แถมบางครั้งก็โทรฯ มาขอยืมที่แม่ตนอีกหลายสิบครั้ง อ้างว่าเงินไม่พอใช้บ้าง ไม่มีเงินกินข้าวบ้าง เติมน้ำมันรถบ้าง จ่ายค่าไฟค่าน้ำค่าเน็ต จ่ายค่าผ่อนบ้านกับธนาคาร บางทีก็อ้างว่าเงินค่าปรับหาย แต่พอเงินเดือนออก ก็อ้างว่าใช้หนี้คนนั้นคนนี้ไปหมด เหลือใช้คืนแค่หลักร้อย

น.ส.เอ เล่าอีกว่า กระทั่งไม่นานมานี้อ้างว่ามีปัญหากับสหกรณ์ตำรวจลำพูน ต้องการเงิน 300,000 บาท ไปชำระหนี้ปิดบัญชีและจะไปสมัครเป็นสมาชิกออมทรัพย์สหกรณ์ตำรวจที่เชียงใหม่ เพื่อขอกู้ใหม่ ผ่านไปปีกว่ายังไม่ได้เงิน อ้างว่ากู้ไม่ได้ ลาออกก็ไม่ได้ โดยก่อนมาเอาเงิน ตำรวจนายนี้ยังไปหลอกให้แม่เอาโฉนดที่นาไปจำนองกับสถาบันการเงิน ตนจึงเสนอเงื่อนไขไปว่า ถ้าเอาเงินก้อนนี้ไปต้องจดทะเบียนสมรสกับตน ซึ่งก็รับปาก และในวันที่มารับเงิน ก็นำทะเบียนสมรสปลอมที่ทำขึ้นเองลงวันที่ 21พฤศจิกายน 2565 ถ่ายเอกสารมาหลอกแม่ตนว่าได้ไปจดทะเบียนสมรสกับตนแล้ว แม่จึงเชื่อใจมอบเงินให้ไป 300,000 บาท หลังจากนั้นก็ยังขอเงินตนอีกเรื่อยๆ ล่าสุดตนเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็ขอยืมไปอีก 4,000 บาท

น.ส.เอ เล่าว่า ล่าสุดวันที่ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา มีผู้หญิงโทรศัพท์มาถามว่า ตนเป็นอะไรกับตำรวจนายดังกล่าว เลยบอกไปว่าเป็นเมียเขา หญิงดังกล่าวถามต่อว่า มีทะเบียนสมรสไหม ก็บอกไปว่ามี เขาก็บอกว่าเขาก็มี คบกันมานานหรือยัง ทำไมไม่รู้ จากนั้นก็วางสายไป หลังจากนั้นฝ่ายชายก็บล็อกการติดต่อทุกช่องทาง ไม่สามารถติดต่อได้ และหมดหนทางที่จะได้เงินคืน จึงไปร้องเรียนกับผู้บังคับบัญชาเขา และผู้บังคับบัญชาก็รับปากจะช่วยเจรจาให้ แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป จึงตัดสินใจเดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม ผ่านสื่อมวลชนดังกล่าว