เมื่อวันที่ 29 ก.พ. ที่สถานีรถไฟอยุธยา นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม พร้อมคณะ เดินทางด้วยรถไฟตรวจราชการความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา นายไพรัตน์ เพชรยวน รอง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา ว่าที่ ร.ต.สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร อดีต รมช.คมนาคม หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมให้การต้อนรับ

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟรางคู่ และทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบด้านทรัพย์สินทางวัฒนธรรม (HIA) เพื่อลดข้อกังวลใจของ UNESCO และประชาชน ซึ่งไทยยังไม่เคยมีการจัดทำรายงาน HIA มาก่อน ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ตระหนักถึงความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบต่อการเป็นมรดกโลก ยืนยันว่าสถานีอยุธยา ไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่มรดกโลก ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ UNESCO แต่อยู่ห่างออกไป 1.5 กม. และมีแม่น้ำป่าสักคั่นอยู่ ดังนั้นการขยายตัวของเมืองเข้าไปในเขตมรดกโลก จึงเป็นไปได้ยาก

ซึ่งแผนพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยงระบบขนส่งสาธารณะรองรับผู้โดยสาร รวมทั้งพัฒนาเส้นทางรถสาธารณะ และปรับปรุงระบบขนส่งรูปแบบใหม่ โดยสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับประชาชนและนักท่องเที่ยว มีพื้นที่จอดรถ พื้นที่สีเขียว สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภูมิทัศน์รอบสถานีจะสวยงาม ยืนยันว่าได้ดำเนินการศึกษาแนวทางปรับปรุงรูปแบบสถานี เพื่อลดผลกระทบต่อโบราณสถาน พร้อมทั้งดำเนินการตามผลการศึกษา ออกแบบรายละเอียด และมติคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง โดยการพัฒนาพื้นที่สถานีอยุธยา ถือเป็นการพัฒนาบนแนวเส้นทางเดิม ไม่ได้ทำการเวนคืนที่ดินแต่อย่างใด ซึ่งโครงการรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ถือเป็นโครงการพัฒนาที่สำคัญต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ รัฐบาลมีแผนรองรับผลกระทบต่างๆ อย่างรอบคอบ คำนึงถึงความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วน และให้การยืนยันว่า จะดำเนินการทำสัญญาตามกำหนดได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างรางควบคู่กับตัวอาคารสถานี ตามกำหนดภายในปี 2571 อย่างแน่นอน

ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ ในฐานะ สส.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขต 4 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วย น.ส.พิมพฤดา ตันจรารักษ์ สส.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขต 3 พรรค ภท. และนายประดิษฐ์ สังขจาย สส.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขต 5 พรรค ภท. ได้ผนึกพลังเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสร้างรถไฟความเร็วสูง “สถานีอยุธยา”

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ตนพร้อมด้วย น.ส.พิมพฤดา และนายประดิษฐ์ ในฐานะ สส. ของ จ.พระนครศรีอยุธยา พวกเราพร้อมเป็นกระบอกเสียงแทนพ่อแม่พี่น้องชาวอยุธยาทุกท่าน ในการดำเนินการผลักดันโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูง ในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นในสภาผู้แทนราษฎร หรือแม้แต่ในชั้นกรรมาธิการ เราทั้ง 3 คน ก็จะร่วมกันผลักดันและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เร่งเดินหน้าโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูง “สถานีอยุธยา” เพราะการสร้างรถไฟความเร็วสูง จะสร้างประโยชน์ต่อพ่อแม่พี่น้องชาวอยุธยา เนื่องจากการเดินทางที่สะดวกรวดเร็ว จะเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์เชื่อมต่อการค้า การลงทุน เกิดการพัฒนาโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว เพราะเมื่อการเดินทางสะดวกสบายก็จะมีนักท่องเที่ยว ทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ ทำให้คุณภาพชีวิตของพ่อแม่พี่น้องชาวอยุธยาดีขึ้น ทั้งนี้ หากยิ่งโครงการเดินหน้าล่าช้า ก็จะยิ่งทำให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและประเทศไทย เสียโอกาสในหลายๆ ด้าน

“การพัฒนากับการอนุรักษ์สามารถทำควบคู่กันได้ ในหลายประเทศมีการสร้างรถไฟใกล้กับมรดกโลก เช่น สถานีรถไฟเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี ที่ตั้งติดกับวิหารเมืองโคโลญจน์ ซึ่งเป็นโบราณสถานเก่าแก่ และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อออกจากสถานีรถไฟเดินเท้า 5 นาที ก็ถึงวิหารเมืองโคโลญจน์, วัดโทจิ เป็นวัดเก่าแก่ที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุสำคัญทางพระพุทธศาสนาของชาติไว้มากมาย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเกียวโต ท่ามกลางความเจริญของประเทศญี่ปุ่น จากความสำคัญทางประวัติศาสตร์ องค์การยูเนสโกจึงขึ้นทะเบียนวัดโทจิให้เป็นมรดกโลก ซึ่งใช้เวลาเดินเท้าจากสถานีรถไฟเพียง 10 นาที ก็ถึงวัด เป็นต้น ตัวอย่างจากประเทศเยอรมนีและประเทศญี่ปุ่น สะท้อนให้เราเห็นว่า การพัฒนากับการอนุรักษ์สามารถทำควบคู่กันได้ พวกเรา สส.เมืองอยุธยาทั้ง 3 คน ไม่รอที่จะช่วยกันสร้างความเจริญให้กับชาวอยุธยา ขอเป็นกระบอกเสียงแทนชาวอยุธยาที่พร้อมจะประสานงานและเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการสร้างรถไฟความเร็วสูง “สถานีอยุธยา” โดยเร็ว” นายสุรศักดิ์ กล่าว