เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ทีมผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีอดีต ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.บ้านโพธิ์ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ถูกแก๊งมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า อ.โพนพิสัย โทรฯ หาจะคืนค่ามิเตอร์ไฟฟ้า จำนวน 4,000 บาท และหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน มีการสแกนใบหน้า รู้ตัวอีกทีเงินในบัญชีถูกดูดหายไป 1,950,000 บาท

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนายนวน เถื่อนลือชัย อายุ 61 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นอดีต ผอ.โรงเรียนปัก ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว เปิดเผยว่า ตนเกษียณอายุราชการเมื่อปี 66 ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้มีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ โทรฯเข้ามาและอ้างตัวเองว่าเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า บอกว่ามิเตอร์ไฟฟ้าผมเป็นมิเตอร์เช่า จะได้รับเงินค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้าคืน จำนวน 4,000 บาท แล้วหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันของการไฟฟ้าในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นตนจึงทำตามขั้นตอนที่บอก แล้วให้สแกนใบหน้า ตนก็สแกนใบหน้าไป 2-3 ครั้ง เครื่องโทรศัพท์ก็ดับลง

ช่วงนั้นคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแก๊งมิจฉาชีพ เพราะเชื่อมั่นกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.โพนพิสัย ตอนนั้นลูกสาวกลับมาพอดี จึงได้โทรฯระงับบัญชีที่ส่วนกลางของธนาคาร และโทรฯแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ สรุปเงินถูกดูดออกจากบัญชีไปถึง 1,950,000 บาท จึงเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.โพนพิสัย อีกทางหนึ่ง

เงินที่ได้จากการเกษียณอายุราชการ มีเงิน กบข. จำนวน 1,400,000 บาท เงินเดือนสะสมตั้งแต่รับราชการมาอยู่ในบัญชีอีก 780,000 บาท รวมมีเงินอยู่ในบัญชี 2,180,000 บาท ถูกแก๊งมิจฉาชีพดูดเงินไป 1,950,000 บาท ยังโชคดีอายัดบัญชีไว้ทันเหลือเพียง 230,000 บาท ตอนนี้ลูกสาวพาไปปิดบัญชีแล้ว ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินก้อนสุดท้ายของชีวิตที่รับราชการครูมา เก็บไว้เพื่อจ่ายค่าสร้างบ้านและอื่นๆ

“จึงวิงวอนเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือหาทางนำเงินก้อนสุดท้ายของชีวิตรับราชการ กลับคืนมาให้ด้วยเพราะไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว ตอนนี้ก็ได้แค่รอความหวังจากเจ้าหน้าที่ติดตามให้”

ด้านภรรยา อดีต ผอ.โรงเรียนปัก กล่าวว่า เงินก้อนนี้มันมีค่าทางจิตใจมาก เหมือนมาฆ่ากันทั้งเป็น ไม่ตายก็เหมือนตายทั้งเป็น คนที่โทรฯมาก็น่าจะเป็นคนไทย เพราะพูดทั้งภาษาไทย ทั้งภาษาอีสาน ส่วนตัวอยากเห็นหน้าคนที่ไปเปิดบัญชีม้า ทำไมถึงมาสร้างความทุกข์ให้กับคนอื่น ถ้าจับได้อยู่ไกลแค่ไหนก็จะไปดูหน้า.