สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวถึงกรณีสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ทรงมีพระดำรัสกับสื่อของสวิตเซอร์แลนด์ เกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยทรงเรียกร้องรัฐบาลเคียฟเจรจากับรัฐบาลมอสโก “และมีความกล้าหาญที่จะยกธงขาว” ว่า “คือความพยายามเป็นสื่อกลางไกล่เกลี่ย”


ขณะที่นายดมิโทร คูเลบา รมว.การต่างประเทศยูเครน กล่าวว่า ธงชาติของยูเครนมีเพียงสีเหลือกับสีฟ้าเท่านั้น “ไม่มีธงขาว” พระดำรัสของโป๊ปฟรานซิส สะท้อนหนึ่งในนโยบายยุทธศาสตร์การเมืองของวาติกัน ที่เคยขับเคลื่อนในช่วงศตวรรษที่ 20 “เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดความผิดพลาดซ้ำรอยอดีต” แต่คูเลบาไม่ได้ขยายความ ว่าหมายถึงความผิดพลาดรูปแบบใด


ด้านนายอังเดร ยูราช เอกอัครราชทูตยูเครนประจำวาติกัน วิจารณ์โป๊ปฟรานซิส ว่าการผลักดันให้รัฐบาลเคียฟเจรจากับรัสเซียตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับการที่ต้องไปเจรจากับนายอดอล์ฟ ฮิตเลอร์


อย่างไรก็ดี บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเคียฟทิ้งท้าย ด้วยการเชิญโป๊ปฟรานซิส ให้เสด็จเยือนยูเครนอย่างเป็นทางการ แล้วทอดพระเนตรสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงด้วยพระองค์เอง


ต่อมา สันตะสำนักในกรุงวาติกันซิตี ออกแถลงการณ์ว่า พระดำรัสของโป๊ปฟรานซิสหมายความว่า พระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้คู่สงครามเจรจากัน “ไม่ใช่การเป็นฝ่ายยอมจำนน”


อีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ประกาศเตรียมเยือนยูเครน “ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า” เพื่อรวบรวม “ความสนับสนุนครั้งใหม่” ให้แก่รัฐบาลเคียฟ

อนึ่ง มาครงเรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่าย หลังกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ เกี่ยวกับ “การไม่ตัดความเป็นไปได้” ในการส่งทหารเข้าสู่สมรภูมิยูเครน แต่นายเซบาสเตียน เลอคอร์นู รมว.กลาโหม ยืนยันว่า “ไม่มีแผน”.

เครดิตภาพ : AFP