สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 9 เม.ย. เกี่ยวกับเหตุการณ์เขื่อนแตกที่เมืองออร์สก์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของแคว้นโอเรนเบิร์ก ตั้งอยู่บนเทือกเขาอูราล ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย และมีพรมแดนติดกับคาซัคสถาน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าสู่พื้นที่ชุมชน จนต้องมีการอพยพประชาชนแล้วจำนวนมาก และต้องมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น


สำนักงานอุตุนิยมวิทยารัสเซียเตือนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่าระดับน้ำในแม่น้ำอูราลและทูโบล ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักสองแห่งในพื้นที่ประสบภัย และเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างรัสเซียกับคาซัคสถาน ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจถึงระดับอันตราย ในวันพุธที่ 10 เม.ย โดยเป็นผลจากฝนตก ระดับน้ำจากเขื่อนที่ไหลเข้ามาสมทบ และธารน้ำแข็งบนเทือกเขาอูราลที่ละลายมากและเร็วกว่าปกติ ซึ่งบ่งชี้ถึงความรุนแรงจากภาวะความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลก


ขณะเดียวกัน มีรายงานประชาชนหลายร้อยคนรวมตัวประท้วงความล่าช้าในการช่วยเหลือของภาครัฐ จนหน่วยงานในพื้นที่ต้องออกประกาศเตือน ด้านสำนักงานผู้ว่าการแคว้นโอเรนเบิร์กประกาศการมอบเงินสูงสุด 100,000 รูเบิลต่อคน เพื่อเป็นการชดเชย “ทรัพย์สินที่เสียหายอย่างสิ้นเชิง” เพราะน้ำท่วม และทางการแคว้นโอเรนเบิร์ก จะชดเชยเต็มจำนวนให้กับค่าเสียหาย ในการซ่อมแซมบ้านเรือนของประชาชน


ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย สั่งให้มีการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับ “ความบกพร่องและความประมาท” จากการละเมิดกฎหมายในการก่อสร้างเขื่อนแห่งนี้ ซึ่งมีอายุการใช้งานเพียง 10 ปี

ด้านนายเซอร์เก ซัลมิน นายกเทศมนตรีเมืองโอเรนเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของแคว้นโอเรนเบิร์ก กล่าวว่า น้ำท่วมครั้งนี้รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2485 โดยมีระดับความสูงสะสมในพื้นที่อย่างน้อย 946 เซนติเมตร


นอกจากนี้ รัฐบาลคาซัคสถานเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นด้วย อนึ่ง ภูมิภาคหลายแห่งที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาอูราลในส่วนที่พาดผ่านรัสเซีย เผชิญกับน้ำท่วม ตั้งแต่ช่วงต้นของฤดูใบไม้ผลิปีนี้ เนื่องจากภาวะโลกร้อน ส่งผลให้ธารน้ำแข็งบนเทือกเขาอูราลละลายมากและเร็วกว่าปกติ.

เครดิตภาพ : AFP