เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 12 มี.ค.(ตามเวลาท้องถิ่นเมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 6 ชั่วโมง)  ที่โรงแรม Carlton Cannes เมืองคานส์ ฝรั่งเศส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน Re-Invest Summit Lunch และกล่าวสุนทรพจน์ โดยนายกฯ กล่าวรู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน พร้อมพบปะกับผู้นำรัฐบาล ผู้กำหนดนโยบาย และผู้ประกอบการจากทั่วโลก ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของโลก และนับเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้แนะนำประเทศไทยในอีกแง่มุม นอกจากการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำของโลกที่มีทั้งชายหาดที่สวยงาม เมืองที่มีชีวิตสดใส และวัฒนธรรมที่สวยงาม หวังว่าผู้คนจากทั่วโลกจะพิจารณามาพักอาศัย ดำเนินธุรกิจ และขยายการลงทุนในไทยมากขึ้นด้วย


นายกฯ กล่าวต่อว่า โดยผู้ที่สนใจการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กรุงเทพฯ ติดอันดับ 1 ของโลกในดัชนีที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังมีแนวโน้มเติบโตกว่า 30% ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนโยบายสนับสนุนของรัฐบาล สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพมหาศาลในด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทย

จากนั้นนายกฯ กล่าวถึงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคตของประเทศไทยทั้ง 8 ด้าน ดังนี้ 1.ศูนย์กลางการบิน ผ่านการก่อสร้างสนามบินใหม่ การยกระดับสนามบินที่มีอยู่  2.ศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว รัฐบาลวางแผนที่จะยกระดับสถานะของไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง และวางตำแหน่งประเทศให้เป็น “โฮมสเตย์” ระดับโลกสำหรับนักเดินทางทั่วโลก 3.ศูนย์กลางด้านการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพ และการแพทย์แผนโบราณ 4.ศูนย์กลางการเกษตรและอาหาร โดยเน้นย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะ “ครัวโลก” 5.ศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค ผ่านการลงทุนที่สำคัญในโครงสร้างพื้นฐาน

นายกฯ กล่าวต่อว่า 6.ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต ประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์และ อีวีรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ วางแผนที่จะดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมอีวีให้มากขึ้น  7.ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเป้าหมายคือ การดึงดูดการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม และ AI และ 8.ศูนย์กลางทางการเงิน ด้วยการส่งเสริมภาคการเงินที่แข็งแกร่งและมีนวัตกรรม ดึงดูดสถาบันการเงินระดับโลก และพัฒนาระบบการซื้อขายคาร์บอนเครดิต

นายกฯ กล่าวในช่วงท้ายว่า วิสัยทัศน์เหล่านี้ไม่ใช่แค่ความฝันเท่านั้น แต่มีแผนและการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมรองรับ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายแห่งกำลังดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ ด้วยแรงจูงใจและการสนับสนุนที่ถูกต้องจากรัฐบาล ควบคู่ไปกับความร่วมมือและการลงทุนจากภาคเอกชน ประเทศไทยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจอย่างเต็มที่ และไม่มีเวลาใดที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้วในการลงทุนในประเทศไทย “ Thailand is fully open for business, and there has never been a better time to invest in Thailand”