สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ด้วยเสียงข้างมากท่วมท้น 352 ต่อ 65 เสียง รับรอง “กฎหมายปกป้องชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยศัตรูต่างชาติ” ระบุชัดเจนว่า บริษัทไบต์แดนซ์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ต้องยุติการครอบครองกรรมสิทธิ์เหนือติ๊กต็อก ภายในระยะเวลา 6 เดือน มิเช่นนั้น แอปพลิเคชันดังกล่าวจะไม่สามารถเข้าถึงได้ในสหรัฐอีกต่อไป


มติดังกล่าวของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก และได้รับความสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากพรรคเดโมแครต ถือว่าเกินความคาดหมายของหลายฝ่ายพอสมควร เนื่องจากมีแนวโน้มทำให้ทั้งสองพรรคเสี่ยงสูญเสียความนิยมจากกลุ่มวัยรุ่นและคนหนุ่มสาว ซึ่งเป็นผู้ใช้งานติ๊กต็อกส่วนใหญ่ในสหรัฐ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในวันที่ 5 พ.ย. 2567


อย่างไรก็ตาม นายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า มติครั้งนี้สะท้อนความเป็นเอกภาพของที่ประชุม ในการร่วมกันต่อต้านความพยายามของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จากการสอดแนมและใช้ข้อมูลของชาวอเมริกัน คะแนนเสียงที่ท่วมท้นคือการเรียกร้องให้วุฒิสภาร่วมกันผ่านกฎหมาย และส่งต่อให้ประธานาธิบดีลงนาม เพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้


ด้านติ๊กต็อกออกแถลงการณ์ เรียกร้องวุฒิสภาสหรัฐ “พิจารณากฎหมายตามหลักความเป็นจริง” ที่ชาวอเมริกันมากกว่า 170 ล้านคน และธุรกิจในสหรัฐอีก 7 ล้านแห่ง ซึ่งใช้บริการของติ๊กต็อก


ขณะที่นายโซ่ว จื่อ โจว ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของติ๊กต็อก ยืนกรานว่า ติ๊กต็อกไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐบาลปักกิ่ง และบริษัทไม่เคยส่งมอบข้อมูลให้แก่ทางการจีนด้วย


อีกด้านหนึ่ง นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จนถึงตอนนี้ รัฐบาลวอชิงตันยังไม่สามารถแสดงหลักฐานได้ ว่าติ๊กต็อกเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของอเมริกา การบัญญัติกฎหมายนี้ ไม่เป็นไปตามกลไกการแข่งขันอย่างเท่าเทียม แต่เป็นการสร้างอุปสรรคให้กับการดำเนินงานของกิจกรรมทางธุรกิจที่เป็นปกติ ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน แล้วยังสร้างความเสียหายให้กับระเบียบการค้า และเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

ท้ายที่สุดแล้ว ผลกระทบทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น หากมีการผ่านกฎหมายแบนติ๊กต็อกจริง จะย้อนกลับไปทิ่มแทงสหรัฐเอง.

เครดิตภาพ : AFP