ยิ่งล่าสุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงดาบเชือดก้าวไกล มติเอกฉันท์ส่งศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรค พร้อมตัดสิทธิคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เซ่นหาเสียง และเดินเกมแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง เป็นความผิดตามมาตรา 92 (1) พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560

ซึ่งบรรดา “ขุนพลสีส้ม” ก็ปลุกพลัง สส. และมวลชน เดินหน้าสู้ต่อทันที โดย “ทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค โพสต์ภาพและปักหมุดไว้บนอินสตาแกรมทันที พร้อมข้อความระบุว่า “ไม่มีพวกคุณ ไม่มีพวกเรา ก้าวต่อไปครับ” เช่นเดียวกับ เจ้าของพรรค ผู้นำจิตวิญญาณตัวจริง “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ดักคอไว้ล่วงหน้าแล้วว่า “การยุบพรรคไม่ทำให้พรรคก้าวไกลหนักใจ เพราะพรรคก้าวไกล และพรรคอนาคตใหม่ ผ่านการยุบพรรคมาแล้ว เชื่อว่า ผู้สนับสนุนเข้าใจและพร้อมจะเดินทางต่อ การยุบพรรคจะทำให้คนเห็นอกเห็นใจถึงความไม่เป็นธรรม ความไม่ถูกต้องที่ดำรงอยู่ในประเทศ ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ประชาชน แต่เรามุ่งมั่นทำงานทุกวันให้ดีที่สุด เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่า พวกเราตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนประเทศให้ประเทศไทยดีกว่านี้ ให้ประชาชนเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

เป็นปรากฏการณ์ที่ “เดจาวู” ยุบพรรค สำหรับ “ขุนพลก้าวไกล” ที่ต้องเผชิญมรสุมทางการเมืองนับจากนี้เป็นต้นไป

ขณะที่การเมืองในสภาผู้แทนราษฎรช่วงตั้งแต่วันนี้ ถึงวันปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 9 เม.ย. 67 รัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เจอคิว “จองกฐิน” ล่วงหน้าใน 3 แมตช์ คือ 1.การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในวาระ 2-3 วันที่ 20-22 มี.ค. นี้ 2.วุฒิสภาเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 วันที่ 25 มี.ค. นี้ 3.พรรคร่วมฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะปัญหาต่อ ครม. โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 วันที่ 3-4 เม.ย. นี้

โดยการอภิปรายฯ ครั้งนี้ “เสี่ยต๋อม”นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า จะเน้นไปที่การบริหารราชการแผ่นดินภายใต้การนำของ “เสี่ยนิด” เป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับประชาชน นโยบายเร่งด่วนสวนทางกับความเป็นจริง การดำเนินการนโยบายเร่งด่วนที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา เป็นหลัก โดยจะเป็นการใช้เวทีสภา ดิสเครดิตรัฐบาล “เศรษฐา” รอจังหวะลากไปถล่มนอกสภา หวังตีกินในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นอย่างองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในเร็วๆ นี้ ที่พรรคก้าวไกล จ้องจะกวาดเพิ่มขึ้น หลัง สส. ได้แบบเกือบยกทีมในหลายจังหวัด ที่จะทยอยเลือกตั้งต่อไป

ส่วน การเมืองนอกสภา ที่ต้องจับตา คือการเคลื่อนไหวของ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกนอกถ้ำ “จันทร์ส่องหล้า” ไปไหว้ศาลหลักเมือง ตี 5 เอาฤกษ์เอาชัยเพื่อความเป็นสิริมงคล แล้วก็รีบนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว กลับแผ่นดินบ้านเกิด จ.เชียงใหม่ ไปไหว้บรรพบุรุษ ระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค. นี้ เป็นการเช็กเรตติ้งในแผ่นดินไทย กับการปรากฏตัวครั้งแรกในรอบ 17 ปี

ตรงนี้ต่างหากที่น่าจับตาว่า การเมืองไทยจากนี้ไปจะเคลื่อนไปในทิศทางใด เพราะ “ทักษิณ” คือผู้มีอิทธิพลทางการเมืองไทยตัวจริง ขณะเดียวกันก็ต้องดูจากสภาพความเป็นจริง ณ วันนี้ด้วยว่า วัน เวลา ผ่านไป “คนรุ่นใหม่” เขาไม่ได้อินกับ  ตระกูล “ชินวัตร” เหมือนในอดีตแล้ว.