สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ว่า นายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบาเนซี ผู้นำออสเตรเลีย กล่าวถึงการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ผ่านกฎหมายเตรียมปิดกั้นการใช้งานติ๊กต็อก หากผู้บริหารแอปพลิเคชันดังกล่าวในสหรัฐไม่ยุติความร่วมมือทั้งหมด กับบริษัทแม่ในจีน คือ ไบต์แดนซ์ ภายในระยะเวลา 6 เดือน เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ หากวุฒิสภาสหรัฐเห็นชอบเช่นกัน ว่าออสเตรเลียติดตามข่าวสารดังกล่าว “แต่ไม่มีแผนทำเช่นนั้น”


ทั้งนี้ ผู้นำออสเตรเลียกล่าวว่า ความมั่นคงของประเทศถือเป็นวาระสำคัญแห่งชาติ แต่แอปพลิเคชันดังกล่าวเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้คนจำนวนมากใช้สื่อสารกัน รัฐบาลแคนเบอร์ราจึงไม่มีแผนการที่จะใช้มาตรการแบบสหรัฐกับประชาชน อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียแบนการใช้ติ๊กต็อกบนอุปกรณ์ของหน่วยงานรัฐ


อนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียกับจีนอยู่บนเส้นทางของการฟื้นฟู นับตั้งแต่อัลบาเนซีชนะการเลือกตั้ง และเข้ามาบริหารประเทศ เมื่อปี 2565 โดยก่อนหน้านั้นทั้งสองประเทศขัดแย้งกันหลายเรื่อง รวมถึงเทคโนโลยี 5 จี ของหัวเว่ย และต้นตอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้รัฐบาลปักกิ่งตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษี และระงับการนำเข้าสินค้าหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ข้าวบาร์เลย์ ถ่านหิน ไม้ และไวน์


อย่างไรก็ดี เมื่ออัลบาเนซีขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำออสเตรเลีย และดำเนินนโยบายประนีประนอมมากกว่ารัฐบาลชุดก่อนหน้า จีนยกเลิกมาตรการระงับนำเข้าสินค้าหลายชนิดของออสเตรเลีย และภาคอุตสาหกรรมไวน์ของออสเตรเลียกำลังหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่ารัฐบาลปักกิ่งจะกลับมานำเข้าไวน์ของออสเตรเลียอีกครั้ง ภายในอนาคตอันใกล้นี้.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES