เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่วัดลาดปลาเค้า เขตลาดพร้าว พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย กรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร นำโดย ร.ท.ธนเดช เพ็งสุข สส.กทม. พรรคก้าวไกล และรองประธาน กมธ. ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการ “พลทหารปลอดภัย” ร่วมประชาสัมพันธ์โครงการ “พลทหารปลอดภัย” แก่ประชาชนผู้เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินหรือการเกณฑ์ทหาร

โดยนายพิจารณ์ กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลได้เสนอกฎหมายยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนจากการเกณฑ์ทหารภาคบังคับ เป็นการสมัครใจรับราชการทหาร แต่กฎหมายฉบับดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเงิน ซึ่งต้องได้รับการรับรองจากนายกฯ พรรคจึงแก้ไขเนื้อหาในร่างอีกฉบับ ไม่ให้ถูกตีความว่าเป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยการเงิน และได้ยื่นต่อสภาไปแล้ว จึงต้องการส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลและนายกฯ เศรษฐา ให้ร่วมผลักดันร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวด้วย

นายพิจารณ์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลก่อนหน้านี้ ตนและพรรคก้าวไกลมีความเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า นโยบายยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ จะได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทยเหมือนกับกฎหมายสมรสเท่าเทียม เช่น ตอนจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่จะเสนอนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานรัฐสภา พรรคก้าวไกลก็เสนอว่าต้องมีการให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญเพื่อประชาชน ที่รวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ แต่เราไม่ได้ระบุเรื่องกฎหมายยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เพราะเชื่อว่าอย่างไรก็ต้องมีการผลักดันและผ่านกฎหมายได้ในที่สุด

นายพิจารณ์ กล่าวต่อว่า แต่เมื่อถึงวันนี้ตนต้องย้ำเตือนไปยังนายเศรษฐา ว่าร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกลเสนอไป อย่างน้อยควรรีบเซ็น อย่าปัดตกเพียงเพราะเงื่อนไขว่าเป็นร่างการเงิน ไม่เช่นนั้นเยาวชนที่เติบโตขึ้นมาจะต้องคอยลุ้นระทึกอีกไม่รู้กี่ปี เสียโอกาสในชีวิตที่จะเลือกประกอบอาชีพ และต้องย้ำอีกว่า แนวทางที่รัฐบาลพยายามสร้างแรงจูงใจให้คนสมัครเป็นทหาร เช่น เพิ่มเงินเดือน เพิ่มอัตรานายสิบ หางานให้กำลังพลทำในบริษัทเอกชนหลังปลดประจำการ ตนคิดว่าทำเท่านี้ยังไม่เพียงพอ

“สิ่งที่รัฐบาลนี้ควรทำ คือต้องสามารถอธิบายให้ได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ว่า จำนวนทหารกองประจำการที่ต้องการ ถูกคิดมาจากการประเมินภัยคุกคามของประเทศอย่างไร โครงสร้างของกองทัพอุ้ยอ้ายไปไหม จะปรับเปลี่ยนอย่างไรเพื่อให้ได้จำนวนทหารเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่อย่างนั้นต้องเกณฑ์กันอยู่แบบนี้ไปอีกกี่ปี คำถามคือวันนี้ จำนวนความต้องการกำลังพลของกองทัพที่เหมาะสม ภายใต้ภัยคุกคามในบริบทโลกปัจจุบัน ในแต่ละปี ตัวเลขควรเป็นเท่าไรกันแน่” นายพิจารณ์ กล่าว

ด้าน ร.ท.ธนเดช กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกของพี่น้องชาวลาดพร้าวที่มาจับใบดำใบแดง ในฐานะ สส.เขต และในฐานะ กมธ.การทหาร ตนผลักดันโครงการพลทหารปลอดภัยเพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชน ในช่วงเวลาที่การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหารยังไม่เกิดขึ้น หากพลทหารหรือครอบครัวของพลทหารได้รับความไม่เป็นธรรม ขอให้แจ้งเข้ามา ทาง กมธ.ทหาร พร้อมให้การช่วยเหลือเต็มที่เพื่อให้กำลังพลมีความปลอดภัย ทั้งนี้ขอให้กองทัพดูแลกำลังพลด้วยความจริงใจและอยู่ในบรรทัดฐานกรอบกฎหมาย อะไรที่เคยทำแล้วไม่ถูกต้อง หยุดเอาความเคยชินในอดีตมาทำในปัจจุบัน โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงต่างๆ

ร.ท.ธนเดช กล่าวว่า ใครที่จับได้ใบแดง ขอให้แอด LINE OA ของ กมธ.ทหาร ซึ่งจะเป็นช่องทางร้องเรียนของโครงการพลทหารปลอดภัย กมธ.ทหารได้เตรียมทีมงานคอยมอนิเตอร์ข้อมูลและร่วมทำงานกับทุกฝ่าย ประสานงานกับกองทัพอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ตั้งเป้าหมายว่าการตายในค่ายทหารต้องเป็นศูนย์.