เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 3 เม.ย. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ตามที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และคณะจำนวน 98 คน เป็นผู้เสนอ 

โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงว่า ตนยังไม่ได้ไปไหนแต่ย้ายจากทำเนียบรัฐบาลมาอยู่หลังบัลลังก์สภา ยังนั่งทำงานกันอยู่ และคอยฟังไปด้วยว่าตรงไหนที่คิดว่าเป็นคำแนะนำหรือข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ตนก็จดไว้ เพื่อชี้แจงให้ความกระจ่าง ในส่วนของเรื่องการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติทุกครั้งที่บินออกไปต่างประเทศ เป็นการเปิดโอกาสและสร้างการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตนมั่นใจว่าผลก็จะมีตามมา

“ไม่มีหรอกที่นายกฯ จะบินไปเหมือนแมลงวัน ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเห็นฝ่ายค้านเป็นแมลงหวี่ ที่คอยจะจ้องเล่นแต่การเมืองทั้งที่รัฐบาลเองก็พยายามเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนแต่ก็ไม่ได้อยากว่าอะไร ส่วนการทุจริตคอร์รัปชั่นเราไม่มี ถ้ามีก็นำข้อมูลหลักฐานมา ผมยินดีที่จะนำข้อมูลหลักฐานมาโต้แย้งให้ความกระจ่างได้ ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชนต่อไป” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ในส่วนของการลงทุนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้มอบให้ประธานผู้แทนการค้าไทย กับเลขาฯ บีโอไอชี้แจง ซึ่งมีผลสำเร็จอย่างชัดเจนไปแล้ว สำหรับการติดตามงานต่อไปมีทางทูตแต่ละประเทศ ที่ตนได้ไปเยี่ยมเยียนตามงานและพูดคุยให้อย่างต่อเนื่อง การดึงดูดการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญไม่ใช่นำแค่เศรษฐกิจเม็ดเงินเข้ามาอย่างเดียว หลายๆ อย่างที่เห็นว่าเป็นสิ่งสำคัญ เช่น  การอัพสกิล  รีสกิล การฝึกบัณฑิตเพิ่งจบใหม่ หรือวิศวกรที่ยังต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับอุตสาหกรรมที่มีผลกำไรสูง อุตสาหกรรมไฮเทคดีๆ เราต้องมีการใส่เข้าไปในข้อตกลงที่เราจะลงทุนในประเทศของเรา เพื่อให้พี่น้องของเราได้รับการฝึกงานที่เหมาะสมเพื่อก้าวไปสู่โลกที่มีรายได้สูงขึ้นและกำไรสูงขึ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่บอกว่ายังไม่เห็นมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาด ถ้าเกิดทำงานจริงๆ จะรู้ว่า คนจะลงทุน 5 แสนล้าน หรือ 1 ล้านล้านบาท ตนเชื่อว่าระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลที่แล้วทำ เราก็นำมาสานต่อ ยกตัวอย่างเช่น การติดต่อกับกูเกิล  (Google)  ไมโครซอฟท์ (Microsoft) เอง ซึ่งจะลงทุนเป็นแสนล้าน ดังนั้นตนต้องขอความกรุณาว่าเราต้องใช้เวลาในการดำเนินการบ้าง

“ตั้งแต่ผมเข้ามารับตำแหน่งและเดินทางไปต่างประเทศในประเทศที่มีการแสดงเจตจำนงจะมาลงทุนในประเทศไทย พบว่ามีเม็ดเงินเพิ่มมากขึ้น 2.5 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ชัดเจนและพิสูจน์ได้ ส่วนตัวเลขที่มีการเข้ามาลงทุน จำนวน 558,000 ล้านบาท ที่สมาชิกสงสัย เป็นตัวเลขที่มีการยื่นแผนเข้ามาแล้ว เป็นตัวเลขที่จริง และมีอีกหลายบริษัทที่มีการพูดถึงตัวเลขจริง ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่จับต้องไม่ได้ ฉะนั้นขอให้อดใจ ผมเชื่อว่าอีก 2 ปีข้างหน้าเราจะเห็นเงินลงทุนเข้ามาในประเทศไทยอย่างมหาศาล ผมขอใช้คำว่า “สึนามิของการลงทุน” ขอให้ท่านมั่นใจ เพราะผมเองก็มั่นใจ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายเศรษฐา  กล่าวต่อว่า ขณะที่เรื่องที่เราไปโฆษณาประเทศกับเรื่องที่เศรษฐกิจวิกฤติเป็นคนละเรื่องกัน เรื่องวิกฤติหรือไม่วิกฤติเป็นเรื่องที่โต้เถียงกันไป แต่เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทุกคนในที่นี้ มั่นใจว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทยต้องเกิดขึ้นแล้ว ฉะนั้นเชื่อว่าเรามาถูกทางแล้ว ท่านอาจจะไม่คุ้นเคยกับการออกไปเชื้อเชิญใครให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เราต้องให้เขารู้ก่อนว่าประเทศเรามีศักยภาพ ถ้าเราไม่ออกไปเขาจะทราบได้อย่างไรว่าเรามีความพร้อมในทุกมิติและมีสิ่งดีที่ซ่อนเร้นอยู่ ทั้งประชากรที่มีคุณภาพพลังงานสะอาด ความสามารถในการเป็นศูนย์กลางการบิน การท่องเที่ยว ค่าครองชีพที่เหมาะสม รวมถึงการย้ายฐานการผลิต ที่ทำให้เขาสบายใจสามารถสบายใจเข้ามาอยู่ได้ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือจุดยืนทางการต่างประเทศของเราที่มีความเป็นกลางทำให้หลายประเทศไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย ไต้หวัน มีความสบายใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ตรงนี้ตนมั่นใจ ถ้าไม่มั่นใจในตัวผมก็ขอให้มั่นใจในศักยภาพประเทศ

”ที่บอกว่า รมว.คลังที่โลกเซ็ง ผมคิดว่าไม่จริงเพราะการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของผมมั่นใจ ผมจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่แก้จนให้กับพี่น้องประชาชน แต่ผมขอฝากไว้ว่าท่านอย่าเป็นฝ่ายค้านที่ทำให้โลกงงก็แล้วกัน วันหนึ่งก็จะเป็นฝ่ายค้าน อีกวันหนึ่งก็มีข่าวว่าจะขอเข้าร่วมรัฐบาล กลัวพี่น้องประชาชนจะงงมากกว่า“ นายเศรษฐา  กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ท่านบอกว่ารัฐบาลที่แล้วปราบยางพาราเถื่อน แล้วราคายางไม่ขึ้น ตนไม่แน่ใจว่าท่านไปปราบที่ไหน แต่วิธีการปราบของตนไม่ได้คุยแค่กรมศุลกากร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่คุยด้านความมั่นคง ผบ.ตร. ผบ.ทบ. มีการทำงาน และตรวจสอบกันอย่างใกล้ชิดจริง การปราบยางเถื่อนชัดเจน จับต้องได้ ยางราคาขึ้นเพราะเราควบคุมการผลิตจำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ของทั่วโลก ถ้าประเทศที่เป็นผู้นำส่งออกยางมีการดำเนินการปราบยางเถื่อนชัดเจน ผู้ซื้อก็จะมั่นใจรัฐบาล เพราะฉะนั้นราคาขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เพราะรัฐบาลบูรณาการทำงานกับทุกๆฝ่าย ขอบคุณ ผบ.ทบ. รักษาการ ผบ.ตร. รมว.เกษตรและสหกรณ์ กรมศุลการ ผมยืนยันว่าจะทำต่อไป ผมขอยืนยันตัวจริง เสียงจริง รัฐบาลเพื่อประชาชน.