เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้สัมภาษณ์ถึงแคมเปญ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” ที่รณรงค์มาตั้งแต่ปี 2564 โดยเฉพาะช่วงปีใหม่-สงกรานต์ ว่า ยอมรับว่า กระแสยังจุดไม่ติด แต่ต้องพูดซ้ำๆ ซึ่งความยากคือ คนดื่มแล้วขับส่วนใหญ่จะยังไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่ทำพฤติกรรมเสี่ยงซ้ำๆ สมมติว่า 100 คน จะเกิดอุบัติเหตุพิการหรือหนักๆ 1 คน อุบัติเหตุเบาๆ 10 คน ส่วนอีก 90 คนยังรู้ว่าตนเองปลอดภัยจึงยังใช้ชีวิตเป็นปกติ แต่เมื่อวันหนึ่งความเสี่ยงเกิดขึ้น ความประมาทเกิดข้น แล้วเกิดเหตุขึ้น นั่นคือความเสียหาย ทั้งนี้ ระดับของแอลกอฮอล์ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย คือ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เริ่มทำให้มีการอาการมึน ปริมาณ 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์เริ่มเดินเซ  ปริมาณ 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะทำให้หมดสติ และ 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ก็อาจจะหลับไปเลย ซึ่งข้อมูลของคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ วันที่ 11-17 เม.ย. 2566 พบผู้ดื่มแล้วขับ 4,340 ราย ขับล้มเอง 2,319 ราย คิดเป็น 53.43%  

นพ.พงศ์เทพ กล่าวว่า ส่วนที่ถามกันว่าควรดื่มกี่แก้ว ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องดื่ม ดีกรีของแอลกอฮอล์ ปัจจัยร่างกายของแต่ละคนก็ดูดซึมแอลกอฮอล์ต่างกัน ส่วนใหญ่ “1 ดื่มมาตรฐาน” ก็ประมาณเบียร์ 2 กระป๋อง เหล้าสี 2 แก้ว ถ้า 2 ดื่มมาตรฐานจะเกินที่กฎหมายกำหนด คือ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น เมื่อขี่มอเตอร์ไซค์ถูกเป่าก็เสร็จเลย และระหว่างที่เดินทางปริมาณแอลกอฮอล์จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระเพาะค่อยๆ ดูดซึม เวลาออกไปรู้สึกสติยังดีอยู่ แต่ระหว่างทางบวกกับความง่วง แม้แอลกอฮอล์ไม่ถึง 100 มิลลิกรัมปอร์เซ็นต์ก็ทำให้หลับได้ อย่างไรก็ตาม 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ทำให้การตัดสินใจเบรกรถเริ่มเสียแล้ว ซึ่งจากข้อมูลยังพบว่า อุบัติเหตุมักจะเกิดประมาณ 5 กิโลเมตรรอบๆ รัศมีจุดที่ดื่ม ดังนั้นเมื่อดื่มแล้วต้องไม่ขับรถเดดขาด

“สิ่งที่ดำเนินการช่วงหลัง ส่วนใหญ่เราพยายามให้ความสำคัญกับกลุ่มที่เกิดอุบัติเหตุแล้วหรือถูกจับคุมประพฤติ โดยเราทำงานร่วมกับกรมคุมประพฤติให้กลุ่มนี้ไปเยี่ยมบ้านคนพิการ แล้วฟังคนพิการแล้ว อาจสะท้อนแล้วเกิดมุมมองวิธีคิด แต่ตรงนี้ยังทำได้น้อย เป็นโมเดลอยู่ รวมถึงการปลูกฝังในเด็กรุ่นใหม่ ทำงานกับศูนย์เด็กเล็ก แต่จะทำอย่างไรให้กระจายทุกที่ก็เป็นความยก เราพยายามใช้นิทาน ใช้เกมต่างๆ ปูเป็นพื้น ซึ่งปัญหามีระยะสั้นและระยะยาว เพราะสงครามนี้ยังอีกยาว เราก็จะค่อยๆ ปูพื้นไป” นพ.พงศ์เทพกล่าว.