สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกีโต ประเทศเอกวาดอร์ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.เกี่ยวกับความคืบหน้า หลังเม็กซิโกประกาศยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับเอกวาดอร์ จากเหตุการณ์กองกำลังคอมมานโดของเอกวาดอร์จู่โจม เข้าไปภายในสถานเอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำกรุงกีโต เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อจับกุมนายฮอร์เก กลาส อดีตประธานาธิบดีเอกวาดอร์ ซึ่งลี้ภัยอยู่ภายในพื้นที่


ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำบราซิล ประณามเหตุการณ์ดังกล่าว และยืนยันจุดยืนสนับสนุนเม็กซิโก ด้านกระทรวงการต่างประเทศนิการากัวออกแถลงการณ์ ยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับเอกวาดอร์ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับเม็กซิโก ส่วนองค์การรัฐอเมริกัน ( โอเอเอส ) ออกแถลงการณ์ ว่าไม่เห็นด้วยกับ “การกระทำทุกรูปแบบที่สร้างความเสี่้ยงให้กับสำนักงานการทูต ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งไม่สามารถล่วงละเมิดได้ตามกฎหมายระหว่างประเทศ”

หน่วยคอมมานโดเอกวาดอร์นำตัวนายฮอร์เก กลาส อดีตรองประธานาธิบดี เดินทางจากสถานเอกอัครราชทูตเม็กซิโก ไปยังเรือนจำความมั่นคงสูง ที่เมืองกัวยากิล


นอกจากนี้ รัฐบาลชิลี เวเนซุเอลา อาร์เจนตินา คิวบา โคลอมเบีย โบลิเวีย และเปรู ร่วมออกแถลงการณ์ประณามเอกวาดอร์ด้วย อย่างไรก็ดี รัฐบาลเม็กซิโกยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย ที่สถานเอกอัครราชทูตเอกวาดอร์ ในกรุงเม็กซิโกซิตีด้วย เพื่อป้องกันการประท้วงตอบโต้ของประชาชน


ด้านนางอลิเซีย บาร์เซนา รมว.กระทรวงการต่างประเทศเม็กซิโก กล่าวว่า จะร้องเรียนเรื่องนี้ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ( ไอซีเจ ) หรือศาลโลก ว่าเอกวาดอร์ละเมิดอนุสัญญาเวียนนา ซึ่งระบุชัดเจน ว่าประเทศผู้ให้พื้นที่ตั้งสำนักงานการทูต จะไม่สามารถเข้าสู่พื้นที่แห่งนั้นได้ หากประเทศผู้เข้ามาตั้งสำนักงานไม่อนุญาต


ขณะที่ประธานาธิบดีดาเนียล โนโบอา ผู้นำเอกวาดอร์ กล่าวว่าปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เกิดขึ้น โดยผ่านการประเมินสถานการณ์อย่างดีแล้ว และกล่าวว่า สิ่งที่เม็กซิโกกำลังปฏิบัตินั้น “ผิดกฎหมาย” เนื่องจากรัฐหนึ่งรัฐใดไม่สามารถให้ที่พักพิง หรือมอบสถานะผู้ลี้ภัยแก่บุคคลซึ่งต้องหมายจับ หรือถูกฟ้องร้องทางกฎหมาย


อนึ่ง กลาสเข้าไปลี้ภัยอยู่ในสถานเอกอัครราชทูตเม็กซิโก ตั้งแต่เดือนธ.ค. ที่ผ่านมา หลังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ เมื่อรับโทษจำคุกครบกำหนดตามข้อหาคอร์รัปชันในคดีหนึ่ง แต่ยังคงเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในอีกคดีด้วย.

เครดิตภาพ : AFP