เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กำลังอยู่ระหว่างการจัดพิมพ์พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดจำนวน 33 รูป ซึ่งรวมไปถึงการแต่งตั้งผู้จะมาดำรงตำแหน่งแทนที่เจ้าคณะ จ.ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา และกาฬสินธุ์ (ธ) หลังจากที่ประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ได้รับทราบว่าทรงมีพระราชดำริโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา และจะมีการนำพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชขึ้นเสนอสมเด็จพระสังฆราช เพื่อลงพระนามต่อไป

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค. คณะสงฆ์ จ.กาฬสินธุ์ (ธ) นำโดยพระญาณรักขิต (แผน โสภโณ) รองเจ้าคณะจ.กาฬสินธุ์ (ธ) ได้เข้ายื่นหนังสือให้กับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรรมการ มส. เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชแล้ว ที่วัดราชบพิธฯ โดยพระญาณรักขิต ยอมรับว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 13.00 น. ตนพร้อมด้วยคณะสงฆ์ จ.กาฬสินธุ์ เดินทางมาที่วัดราชบพิธฯ เพื่อเข้าแสดงมุทิตาสักการะสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ พร้อมทั้งมอบหนังสือในนามคณะสงฆ์ จ.กาฬสินธุ์ (ธ)​ เรื่องขอคำชี้แจงกรณีปลดพระเทพสารเมธี (บัวศรี ชุตินธโร) ออกจากตำแหน่งเจ้าคณะ จ.กาฬสินธุ์ (ธ) ซึ่งสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ได้รับหนังสือดังกล่าว แต่ท่านไม่ได้ตอบคำชี้แจงแต่อย่างใด ซึ่งคณะสงฆ์ จ.กาฬสินธุ์ (ธ)​ ถือว่าเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปฏิบัติของคณะสงฆ์ ตามสิทธิที่สามารถจะทำได้ ซึ่งหลังจากนี้ คณะสงฆ์ จ.กาฬสินธุ์ (ธ)​ และชาวบ้านที่มาร่วมลงชื่อแสดงพลังเพื่อขอความเป็นธรรมกรณีดังกล่าว จะรวบรวมรายชื่อให้มากที่สุด เมื่อพร้อมแล้วจะทำเป็นฎีกาถวายต่อไป

ด้าน ศ.ดร.อุทิส ศิริวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิการวิจัยนานาชาติ โครงการปริญญาเอก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ในฐานะนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา กล่าวว่า เท่าที่ได้พูดคุยกับพระธรรมรัตนาภรณ์ พระราชปริยัติสุนทร พระราชปริยัติเวที แต่ละท่านไม่ได้สนใจใดๆ ต่อหัวโขน ตั้งได้ก็ถอดได้ ท่านเข้าใจ แต่การถอดถอนพระระดับเจ้าคณะจังหวัด ควรเป็นไปโดยชอบประกอบด้วยธรรม และเมื่อถอดท่านออกจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดก็ควรยกขึ้นเป็นตำแหน่งกิตติมศักดิ์ เช่น ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด หรือที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค เพื่อเป็นการถวายความเคารพ ซึ่งตนมองว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีของเรื่องนี้