สถานการณ์เงินบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาเจอแรงกดดันท้ายสัปดาห์จากความกังวลไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ โดย “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ระบุว่า เงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 33.68 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามจังหวะการย่อตัวของราคาทองคำในตลาดโลกและสถานะขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในช่วงปลายสัปดาห์

ซึ่งเงินบาทเจอแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ เฉพาะวันที่ 26 พ.ย.วันเดียวต่างชาติขายสุทธิเกือบ 20,000 ล้านบาท เป็นพันธบัตรไทยขายสุทธิ 13,600 ล้านบาท และตลาดหุ้นไทยขายสุทธิ 6,091 ล้านบาท ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19

ขณะที่เงินดอลลาร์ มีแรงหนุนจากมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดและรายงานการประชุมเฟด ซึ่งกระตุ้นการคาดการณ์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะเร่งปรับลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ของมาตรการ QE และอาจจะตามมาด้วยสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ในปีหน้าหากเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบสูงต่อเนื่อง

นอกจากนี้การเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล เป็นประธานเฟดอีกสมัยก็เป็นปัจจัยบวกต่อดอลลาร์ ด้วยเช่นกัน โดยในวันศุกร์ (26 พ.ย.) เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 32.76 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (19 พ.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (29 พ.ย.-3 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือน ต.ค. ของ ธปท. ทิศทางเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือน พ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือน ต.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ย. ของยุโรป รวมถึงดัชนี PMI เดือน พ.ย. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ