เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวชี้แจงฝ่ายค้าน ในการอภิปรายตามมาตรา 152 ประเด็น การฉีดวัคซีนโควิดสำหรับเด็กผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญอย่างรอบคอบ ตามมาตรฐานสากลและต้องผ่านการพิจารณา จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

“วันนี้เรายังไม่รู้ว่าโควิดจะหมดไปเมื่อไหร่ การฉีดวัคซีนจึงสำคัญ อาจป้องกันการติดไม่ได้ 100% แต่ลดอาการรุนแรง และลดการเสียชีวิตได้ ซึ่งวันนี้อัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 0.2% ต่อการติดเชื้อรายวัน เป็นผลมาจากการฉีดวัคซีนที่มาก ผู้เสียชีวิตปัจจุบันกว่า 90% เป็นกลุ่มเสี่ยงดังนั้นขอความกรุณาลูกหลานพากลุ่มเสี่ยงในครอบครัวมาฉีดวัคซีนด้วย”

“ส่วนวัคซีนเด็ก เราไม่เคยฉีดตามอำเภอใจ แต่ผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญอย่างรอบคอบ ตามมาตรฐานสากล และเป็นที่ยอมรับเป็นทั่วไป กรณีที่มีการตั้งคำถามว่าที่ผมบอกว่าจะฉีดวัคซีนซิโนแวคในเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป แต่ทำไมถึงขึ้นทะเบียนฉีด 6 ขวบขึ้นไป ก็เป็นตัวสะท้อนว่าเรามีการพิจารณาอย่างเป็นมาตรฐานโดย อย.ซึ่งทางผู้ยื่นขอขึ้นทะเบียนเข้ามาขอฉีดในเด็ก 3 ขวบขึ้นไป ถือเป็นเพียงใบสมัคร แต่ อย.พิจารณาแล้วด้วยข้อมูลต่างๆ ก็อนุมัติฉัด 6 ขวบขึ้นไป นี่สะท้อนว่าเราใช้มาตรฐานในการกำกับ” นายอนุทิน กล่าว

นอกจากนี้ นายอนุทิน เปิดเผยสำหรับคนที่ฉีดวัคซีนเข็ม 4 ผ่านไปสักระยะ กระทรวงสาธารณสุขเตรียมสุ่มตัวอย่างเพื่อตรวจระดับภูมิคุ้มกันคนที่ฉีดเข็ม 4 เพื่อพิจารณาฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มต่อไป ย้ำว่าวัคซีนจะเตรียมมาให้จนกว่าเราชนะโควิด