เมื่อวันที่ 9 มี.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีคำสั่งให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) จัดกำลังพลสนับสนุนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ปฏิบัติหน้าที่รับโทรศัพท์สายด่วนของ สปสช. 1330 ซึ่งมีปริมาณผู้โทรศัพท์เข้ามาจำนวนมาก เพื่อช่วยเร่งนำผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้าสู่ระบบการรักษา รวมถึงบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ ศปม. ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานสายด่วน ศปม. สนับสนุน สปสช. (1330) 200 คู่สาย ซึ่งแบ่งเป็นกองบังคับการ ศปม. 40 คู่สาย, ศปม.กองทัพบก 80 คู่สาย, ศปม.กองทัพเรือ 40 คู่สาย และ ศปม.กองทัพอากาศ 40 คู่สาย โดยเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา สปสช. ได้จัดการอบรมและซักซ้อมการปฏิบัติงานให้เจ้าหน้าที่สายด่วน และการบันทึกข้อมูลเข้าระบบ สปสช. ขณะที่ สปสช. มีแนวทางการปฏิบัติเป็นคู่มือ ซึ่งมีรายละเอียดของหน่วยงานที่จะต้องประสานส่งต่อข้อมูล และมีกลุ่มไลน์ของผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำแนะนำเจ้าหน้าที่และการรับผู้ป่วยที่มีความซับซ้อนไปดำเนินการต่อ อีกทั้งมีช่องทางประสานส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินไปยัง 1669 โดยแต่ละเหล่าทัพจัดสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก และคอมพิวเตอร์ ให้เพียงพอกับการปฏิบัติภารกิจ

“กำลังพลที่เข้ามาช่วยเหลือจะปฏิบัติภารกิจตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. ของทุกวัน โดยเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีขีดความสามารถในการบันทึกข้อมูล มีทักษะการพูดคุยที่สุภาพ อดทน ใจเย็น นอกจากนี้ ศูนย์ประสานงานสายด่วน ศปม. ได้จัดผู้บัญชาการเหตุการณ์ ในการควบคุมดูแลการปฏิบัติ พร้อมกับชี้แจงการปฏิบัติให้กับกำลังพลเมื่อมีการหมุนเวียน ประสานการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น และกำหนดให้รายงานผลการปฏิบัติตามวงรอบที่กำหนด และสรุปปัญหาข้อขัดข้อง เพื่อแก้ไขให้การปฏิบัติมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” นายธนกร กล่าว