“มองไกล เห็นใกล้” พยายามหาพื้นที่สื่อออกมาเคลื่อนไหวเกือบทุกวัน ควรไม่ควรแล้วแต่จะคิด ถ้าเดาไม่ผิดการออกมาปรากฏตัวของพวกพี่ๆ เขาไม่ต่างอะไรกับ “ใบไม้” ที่ต้องการ “แดด” เพื่อสังเคราะห์ “แสง” เหมือนฝูงแมลงที่รุมกัดกินแตงโม เพื่อขอให้ได้กอบโกยประโยชน์เข้าตัวเอง

ยิ่งเจอก็ยิ่งเซ็ง แทนที่คดีจะคืบหน้าไปมากกว่านี้ กลับต้องชะงัก ต้องหยุดพักเสียเวลาพิสูจน์เรื่องมโนที่ปะติดปะต่อขึ้นมาเองของบรรดานักสืบหัวเห็ด บ้างก็ว่าฆาตกรรม เดี๋ยวก็ว่าอุบัติเหตุ บางรายหนักถึงขั้นมีเสี่ยมานั่งรอรับที่โรงแรม…

มโนกันไปเรื่อย ทั้งที่จริงหรือเท็จยังไม่มีใครรู้ ดูมั่วซั่วปนเปกันไปหมด ไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อคดี ซ้ำยังพาให้ต้องมีอันชะงักไป

อันที่จริงคดีละเอียดอ่อนแบบนี้ไม่ใช่ใครต่อใครจะมานั่งวิเคราะห์ชี้นำสังคมกันตามใจคิด เพราะหากผิด ย่อมส่งผลต่อรูปคดี เป็นแบบนี้มีหรือจะไม่ปวดหัว

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าเมื่อความจริงปรากฏไม่ตรงกับสิ่งที่คิด ต่อให้อธิบายข้อเท็จจริงอย่างไรก็ดูผิดไปหมดในสายตาของผู้คน เพราะสังคมถูกทำให้เชื่อในสิ่งที่ถูกชี้นำไปหมดแล้ว

ไม่แคล้วที่ตำรวจเองต้องกลายเป็นแพะรับบาปของสังคม ไม่ต่างจากคุณแม๊…สักเท่าไหร่

สิ่งที่น่าสังเวชยิ่งกว่า เมื่อการเสียชีวิตของแตงโม กำลังถูกนำมาใช้เป็นเกมแก้แค้นหรือเอาคืนของใครบางคนที่พลาดพลั้ง ผิดหวัง เสียประโยชน์ จนถึงขนาดตั้งสมมุติฐานเป็นตุเป็นตะ ไม่ได้คำนึงถึงความเป็นจริงในมุมมองของพยานหลักฐาน จนสร้างความปวดร้าวระทมกบาลให้การคลี่คลาย

พักบ้างเถอะครับพี่ๆ “ทะแนะ” ทั้งหลายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี บางทีก็ควรปล่อยให้ตำรวจเขาได้วาดลวดลาย คลายปมเสียชีวิตปริศนานี้สักทีเถอะ ความจริงจะได้ปรากฏ

มันอาจจะดูโก้เท่ห์ในสายตาผู้คน แต่ลึกๆในใจตนย่อมรู้ดีว่าการออกมาเช่นนี้มุ่งหวังสิ่งใด หากต้องการช่วยเหลือ หรือ คืนความยุติธรรมให้กับแตงโมจริงมันมีอยู่หลายวิธี ไม่ใช่แสร้งเป็นคนดีมาปั่นป่วนให้รูปคดีเพี้ยนไปหมด

อย่าลืมนะว่า การหากินกับคนตาย โดยไม่ได้คำนึงถึงหลักมนุษยธรรมและความเป็นจริง ก็ไม่ต่างอะไรจากฆาตกรคนหนึ่ง ที่รุมทึ้งร่างคนตายเหมือนนกอีแร้ง อย่าให้การกระทำมันย้อนแย้งกับคำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมามากไปกว่านี้เลย ถือว่าขอล่ะ…..

หลง หลังลาย