สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี แสดงความยินดีกับกองทัพรัสเซีย ซึ่งประสบความสำเร็จในการ “ปลดปล่อย” เมืองมาริอูโปล เมืองท่าสำคัญทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน และอยู่ท่ามกลางวงล้อมของทหารรัสเซีย ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา


ทั้งนี้ เมืองมาริอูโปลเป็นหนึ่งในเมืองท่าขนาดใหญ่สุดของยูเครน ที่ตั้งอยู่ริมทะเลอาซอฟ เพื่อออกสู่ทะเลดำ และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของภูมิภาคโดเนตสก์ ซึ่งประชากรส่วนใหญ่มีเชื้อสายรัสเซียและพูดภาษารัสเซีย การยึดเมืองแห่งนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ และหากตามด้วยการยึดเมืองใหญ่อีกหลายแห่งตลอดแนวชายฝั่งทางตอนใต้ได้อีก จะกลายเป็นเส้นทางให้กองทัพรัสเซียสร้างระเบียงทางยุทธศาสตร์ ลำเลียงกำลังพลและยุทโธปกรณ์จากคาบสมุทรไครเมีย ขึ้นมาสู่แผ่นดินใหญ่ยูเครน


อย่างไรก็ตาม ทหารรัสเซียและกองกำลังสนับสนุนอีกหลายกลุ่ม รวมถึงนักรบจากสาธารณรัฐเชชเนีย ยังคงปิดล้อมโรงงานถลุงเหล็กในเขตอาซอฟสทาล ซึ่งเป็น “ฐานที่มั่นสุดท้าย” ของทหารยูเครน กองกำลังขวาจัด และ “ทหารรับจ้าง” หรือ นักรบรับจ้างชาวต่างชาติ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงของรัสเซียประเมินว่า ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในภายในโรงงานแห่งนั้น “ไม่น้อยกว่า 2,000 คน”


ขณะที่ปูตินกล่าวกับ พล.อ.เซอร์เก ชอยกู รมว.กลาโหม ว่าโดยส่วนตัวเขามองว่า การจู่โจมโรงงานถลุงเหล็กในเขตอาซอฟสทาล “ไม่มีความจำเป็น” โดยให้เหตุผลว่า “เพื่อปกป้องชีวิตของทหารรัสเซีย” เนื่องจากโรงงานแห่งนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานถลุงเหล็กขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป มีโครงสร้างภายในที่ซับซ้อนมาก ทั้งบนดินและใต้ดิน เขาจึงขอให้ทหารปิดล้อมทางเข้าและและออกทั้งหมด “แม้แต่แมลงวันก็อย่าให้หนีออกมาได้”


ด้าน พล.อ.ชอยกู กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการให้โอกาสแล้ว 3 ครั้ง ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว มีทหารและสมาชิกกลุ่มติดอาวุธโรงงานถลุงเหล็ก ยอมจำนนและวางอาวุธแล้วอย่างน้อย 1,400 คน และในภาพรวมมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 142,000 คน.

เครดิตภาพ : REUTERS