จากกรณีชาวบ้านลุกฮือขับไล่เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองขณะเข้าไปทำการตรวจสอบจับกุมผู้จัดงานประเพณีบุญบั้งไฟในพื้นที่เขต ต.จานแสนไชย อ.ห้วยทับทัน หลังมีการแอบลักลอบนำบั้งไฟขนาดใหญ่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมาจุด และชาวบ้านยังพากันขว้างเศษสิ่งของดินหินเข้าไปใส่เจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบจับกุมบั้งไฟเถื่อน เหตุเกิดช่วงใกล้ค่ำของวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามข่าวที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

หวิดจลาจล! ชาวบ้านลุกฮือขับไล่เจ้าหน้าที่ บุกล้มงาน ‘ประเพณีบั้งไฟ’

ความคืบหน้าวันที่ 30 พ.ค. นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนได้กำชับใน 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ ประการแรก คือ การจุดบั้งไฟจะต้องเป็นไปตามประกาศของ จ.ศรีสะเกษ ต้องผ่านกระบวนการของการขออนุญาตผ่านทางวัฒนธรรมและส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องขึ้นมา ประการที่ 2 คือ ขนาดของบั้งไฟก็จะต้องอยู่ภายใต้กรอบที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ส่วนในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเป็นอะไรต่างๆ ก็คงจะต้องมีการประชุมปรึกษาหารือกันเพื่อจะได้ทำประกาศจังหวัดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเป็นประกาศที่เราใช้แต่เดิมมา ซึ่งในฤดูกาลประเพณีบุญบั้งไฟปีนี้ก็จะสิ้นสุดในวันที่ 30 พ.ค.นี้แล้ว

ส่วนหนึ่งประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งปีนี้ตนก็ได้ผ่อนคลายให้จัดงานประเพณีบุญบั้งไฟได้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ แต่ไม่ยอมให้กรณีที่ไม่ได้รับอนุญาตไปลักลอบจุดบั้งไฟ ตนได้ให้ทีมปกครองจังหวัดและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกส่วนที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบและได้ทำการจับกุมรวมทั้งกรณีการจุดบั้งไฟเกินขนาดด้วย

ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีชาวบ้านพากันลุกฮือขึ้นมาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ห้ามไม่ให้มีการจุดบั้งไฟที่มีขนาดเกินกว่าที่ประกาศ จ.ศรีสะเกษกำหนดไว้นั้น เรื่องนี้ตนได้สั่งการให้ทำการตรวจสอบว่าเป็นไปอย่างเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการตามเงื่อนไขที่ได้วางกติกากันเอาไว้ก่อนแล้ว เพราะอย่างนั้นพี่น้องประชาชนก็จะต้องเข้าใจว่าการปฏิบัติหน้าที่นั้นจะต้องเป็นไปตามระเบียบแบบแผนที่กำหนดไว้

เราไม่ได้ไปกลั่นแกล้งใครโดยทุกอำเภอก็จะต้องปฏิบัติตามประกาศ จ.ศรีสะเกษนี้ ซึ่งตนได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปแล้ว ทั้งกรณีที่การลักลอบจุดบั้งไฟและการที่มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น รวมทั้งให้มีการตรวจสอบไปถึงว่าการที่มีการลักลอบจุดไฟนั้นมีข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือใครต่างๆ เข้าไปมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ หากผลการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่เหมาะสมหรือข้อเท็จจริงไม่เป็นที่สมบูรณ์ ตนก็จะดำเนินการสั่งให้ตรวจสอบใหม่อีกครั้งอย่างต่อเนื่องต่อไป