สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ว่า สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสเปนประกาศเตือนภัยสภาพอากาศร้อนจัด ด้วยอุณหภูมิที่อาจสูงถึง 42 องศาเซลเซียส ครอบคลุมพื้นที่วงกว้างในภาคเหนือของประเทศ แม้สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ แต่อุณหภูมิโดยทั่วไป “จะยังคงสูงผิดปกติ” สอดคล้องกับสถานการณ์ไฟป่าในภาคเหนือและภาคกลางของสเปนที่ยังคงรุนแรง ซึ่งสภพอากาศที่ร้อนจัดจะยิ่งเป็นอุปสรรคให้กับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผจญเพลิงด้วย


ขณะที่สถานการณ์ไฟป่าของฝรั่งเศส ยังคงรุนแรงที่สุดในภูมิภาคฌีรงด์ อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่มากกว่า 27,000 เอเคอร์ ประชาชนมากกว่า 14,000 คน ต้องอพยพชั่วคราวเพื่อหลบหนีไฟป่า ซึ่งยังคงลุกลามขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว ด้านเจ้าหน้าที่มากกว่า 1,000 คน ยังคงพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อควบคุมสถานการณ์

เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำดับไฟป่า ในภูมิภาคฌีรงด์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส


ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติของโปรตุเกสยังคงพยายามควบคุมไฟป่าอย่างน้อย 13 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือและภาคกลางของประเทศ ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด ซึ่งอุณหภูมิสูงระหว่าง 40-47 องศาเซลเซียส กระทรวงสาธารณสุขของโปรตุเกสรายงานผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของคลื่นความร้อน สะสมอย่างน้อย 659 ราย ในรอบ 7 วันล่าสุด ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ โดยสถิติสูงสุดอยู่ที่ 440 ราย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

หญิงสาวเดินกางร่มท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด ที่กรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปน


อนึ่ง ทวีปยุโรปเผชิญกับอิทธิพลของคลื่นความร้อนที่รุนแรงขึ้นทุกปี ซึ่งเป็นผลจากความแปรปรวนของสภาพอากาศโลกที่ทวีความแปรปรวน อย่างไรก็ตาม ผลการประชุมครั้งล่าสุดของรัฐภาคี ในกรอบของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ( ยูเอ็นเอฟซีซีซี ) ครั้งที่ 26 หรือ “คอป 26” ที่เมืองกลาสโกว์ ในสกอตแลนด์ เมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ยังไม่มีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนร่วมกันได้อย่างจริงจัง เพื่อบรรลุเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม.

เครดิตภาพ : REUTERS