ประเด็นที่น่าสนใจคือยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 ก.ย. 64 ตัวเลขอยู่ที่ 9.34 ล้านล้านบาท คิดเป็น 58.15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP)
เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1.49 ล้านล้านบาท!
สาเหตุที่หนี้ประเทศเพิ่มแบบก้าวกระโดดมาจากรัฐบาลต้องกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ และต้องกู้เงินภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ฉบับวงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท
เมื่อตรวจสอบลงลึกไปในรายละเอียดหนี้ประเทศ 9.34 ล้านล้านบาทที่สะสมมาจากหลายรัฐบาล แยกย่อยเป็น 3 ก้อนหลัก
“ก้อนแรก” หนี้รัฐบาล 8.2 ล้านล้านบาท ครอบคลุมหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง, หนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ และหนี้เงินกู้ล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
“ก้อนสอง” หนี้รัฐวิสาหกิจ 8.4 แสนล้านบาท ครอบคลุมหนี้ทั้งในและต่างประเทศ
“ก้อนสาม” หนี้รัฐวิสาหกิจที่ทำธุรกิจในภาคการเงิน 2.8 แสนล้านบาท
หากไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุการณ์ก่อนที่หนี้ประเทศพุ่งขึ้นไปเกือบแตะ 60% ของจีดีพี พบในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และฝ่ายเกี่ยวข้องได้อนุมัติขยายเพดานสร้างหนี้หลายครั้ง
(1) วันที่ 20 ก.ย. 64 พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานบอร์ดนโยบายการเงินการคลังของรัฐมีมติไฟเขียว ขยายเพดานหนี้ประเทศ จากเดิมล็อกไว้ห้ามรัฐบาลสร้างหนี้เกิน 60% ต่อจีดีพีของใหม่ขยายเพดานสร้างหนี้ได้ 70% ต่อจีดีพี เพื่อเปิดทางสำหรับการกู้เงินเพิ่มในอนาคต
(2) วันที่ 16 พ.ย. 64 ที่ประชุม ครม. อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.เปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับ
ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ หลักการคือ เปลี่ยนแปลงกรอบเงินกู้จากเดิม 20,000 ล้านบาท ขยายเป็น 30,000 ล้านบาท เพื่อให้หน่วยงานเกี่ยวข้องกู้เอาเงินไปโปะ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อใช้ตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร
(3) วันที่ 24 พ.ย.64 พล.อ.ประยุทธ์ นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ขยายเพดานหนี้ที่ภาครัฐต้องชดเชยตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ มาตรา 28 จากเดิมห้ามเกิน 30% ของใหม่ขยายเพดานไม่เกิน 35% ของกรอบเงินงบประมาณประจำปี เพื่อเปิดวงเงินสนับสนุนโครงการประกันรายได้เกษตรกร
ปฏิเสธไม่ได้การสร้างหนี้เพื่อเอามาแก้ปัญหาให้คนในประเทศเป็นเรื่องที่จำเป็น แต่รัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้องต้องมีแผนใช้เงินกู้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
อย่าใช้เงินแบบสามล้อถูกหวย ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหว่านแหหวังผลทางการเมือง ผ่านโครงการประชานิยม
เพราะหนี้ก้อนโตเป็นภาระระยะยาวของคนไทยทั้งรุ่นปัจจุบัน รุ่นลูก รุ่นหลาน รุ่นเหลนที่ต้องรับผิดชอบใช้หนี้ร่วมกัน!.