เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ขณะที่ แบรนดี บอตโทน สาวท้องแก่จากเทกซัส ขับรถมาตามทางด่วนเซ็นทรัล เอ็กซ์เพรสส์ มุ่งหน้าไปยังเลนขาออกสู่ทางหลวงสาย I-635 เธอก็โดนเจ้าหน้าที่จากสำนักงานนายอำเภอเรียกให้หยุดรถ ณ จุดตรวจสอบคนที่ทำผิดระเบียบการใช้ช่องทางรถมวลชน (HOV) ซึ่งก็คือ มีจำนวนคนในรถไม่ถึง 2 คน อันเป็นจำนวนขั้นต่ำของการใช้ช่องทางพิเศษดังกล่าว

บอตโทน เล่าว่า หลังจากเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบรถของเธอ เขาก็ถามว่ามีเพียงเธอคนเดียวในรถใช่หรือไม่ แต่บอตโทนกลับบอกว่า ไม่ใช่ พวกเธอมากันสองคน 

เมื่อเจ้าหน้าที่ถามหาคนที่ 2 เธอชี้ไปที่ครรภ์แก่ อายุ  8 เดือนครึ่งของเธอ เป็นการบอกใบ้ว่า ถ้านับรวมลูกในท้องของเธอแล้ว เท่ากับว่ามีคนอยู่ในรถของเธอ 2 คน ซึ่งเท่ากับจำนวนขั้นต่ำของการใช้ช่องทางมวลชน

เจ้าหน้าที่ปฏิเสธเธอว่า ไม่อาจนับรวมเด็กในครรภ์ว่าเป็นบุคคลได้ แต่ บอตโทน เถียงกลับโดยอ้างกรณีกลับคำพิพากษาที่กำลังโด่งดังของคดี ‘โรกับเวด’ (Roe v. Wade) ซึ่งส่งผลให้สหรัฐยกเลิกคุ้มครองสิทธิในการทำแท้งและกลายเป็นเหตุให้บางรัฐ ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงทำแท้งได้ตามกฎหมาย เพราะถือว่าทารกในครรภ์เป็น ‘บุคคล’ ซึ่งเทกซัสเป็นหนึ่งในนั้น

และถ้ายึดตามนั้น ลูกในท้องของเธอย่อมสามารถนับรวมว่าเป็นบุคคลที่ 2 ได้

อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายเทกซัสจะนับทารกที่ยังไม่ถือกำเนิดเป็นบุคคล แต่กฎหมายจราจรของรัฐ ไม่นับแบบเดียวกัน เนื่องจากเด็กในครรภ์ไม่ได้แยกออกมานั่งที่นั่งต่างหากในห้องโดยสาร 

สุดท้าย บอตโทน ได้รับใบสั่งค่าปรับเป็นเงิน 275 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9,930 บาท) 

บอตโทน ไม่ยอมรับเรื่องนี้ เธอโกรธมากและไม่อยากเชื่อว่า รัฐจะมีกฎหมายที่ย้อนแย้งกันเอง เธอยังบอกว่ามีแผนที่จะไปต่อสู้ในชั้นศาล ซึ่งมีกำหนดพิจารณาคดีในวันที่ 20 ก.ค. นี้

แหล่งข่าว : nbcdfw.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES