เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 22 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงเรื่องที่ถูกฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิงหลายประเด็นว่า จากการรับฟังมาหลายชั่วโมง ตนพยายามจะเก็บปัญหาและคำอภิปรายต่างๆ เพื่อจะตอบ เนื่องจากเวลามีจำกัด จะขอพูดเท่าที่พูดได้ในเวลาที่มีอยู่ ซึ่งจากการวิพากษ์วิจารณ์ของทุกท่าน ตนยินดีรับไว้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัวทั้งในเรื่องคุณสมบัติ เรื่องที่เคยพูดว่า 84,000 เซลล์ ซึ่งพูดเร็วไปนิด แล้ววันนั้นอารมณ์ไม่ค่อยดี และภาพที่ท่านเอามาออกในหลายๆ ครั้งเป็นภาพในอดีต ความจริงจะต้องพูดว่า 840,000 ล้านเซลล์ ท่านเอาแต่เฉพาะเวลาที่ตนตอบ แต่ไม่รู้เวลาที่เขาถามวันนี้ตนเปลี่ยนไปเยอะ จะเห็นว่าอารมณ์ดีขึ้นขึ้นเยอะในสภา ถึงแม้ว่าท่านพยายามจะยั่วยุตามที่วางแผนไว้ แต่อดทนได้อยู่ในเวลานี้

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงถึงการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F 35 แทน F16 ของกองทัพอากาศ ที่จะปลดประจำการเนื่องจากเกินอายุการใช้งาน ซึ่งใช้ได้ถึงปี 2575 มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 40 ปี ซึ่งมีการวางแผนไว้ 3 ระยะ 12 เครื่อง โดยวางแผนจัดซื้อครั้งละ 4 เครื่อง ย้ำว่าศักยภาพในการป้องกันประเทศในเรื่องนี้มีการแข่งขันกันสูงในประเทศต่างๆ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับของกองทัพเรือ ในส่วนของการจัดหาได้มีการจัดหาตามความจำเป็นประจำฐานชายฝั่งประมาณ 3 เครื่อง วงเงินงบประมาณ 4,070 ล้านบาท เพื่อช่วยในการลาดตระเวนทางทะเล เนื่องจากไทยไม่มีเรือดำน้ำ วันนี้ประเทศรอบบ้านเรามีประมาณ 10 ลำแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ย้ำว่าเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ ตนจะซื้อมาได้ยังไง เพราะกติกาและทีโออาร์กำหนดว่าต้องมีเครื่องยนต์และตอนที่เซ็นสัญญาระบุไว้ว่า จะต้องใช้เครื่องยนต์จากประเทศเยอรมนี แต่ในเมื่อเขาทำไม่ได้ เราก็รับไม่ได้ ตนจะรับมาได้ยังไง เรือไม่มีเครื่องยนต์ก็ต้องไปแก้ปัญหากันตรงนั้นแหละ กองทัพเรือยืนยันต้องเป็นเครื่องยนต์จากประเทศเยอรมนี ซึ่งโรงซ่อมเรือและโรงจอดเรือได้ดำเนินการไปแล้ว ยังไงก็ต้องทำ ส่วนเรือจะมาเมื่อไหร่ มันต้องมีที่จอด ย้ำว่ายังไงมันก็ต้องมี

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า มีหัวหน้าพรรคพรรคหนึ่งกล่าวว่า ที่ตนทำมาทั้งหมดท่านบอกว่าผิดทั้งหมด แต่มันจะถูกหรือผิดก็ขอให้สภา พิจารณาก็แล้วกัน และเมื่อมันถึงเวลาถึงโอกาสของท่านที่จะเข้ามา ท่านก็ทำให้มันดีก็แล้วกัน รวมถึงอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความดี ความเก่งของท่าน ผมไม่ว่าอะไร ท่านกล่าวถึงนายกรัฐมนตรีที่เป็นทหารมาทั้งหมด ท่านอาจจะน้อยใจว่าตรงนั้นไม่มีนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจมาก่อน ผมคิดว่าท่านพยายามต่อไปเดี๋ยวท่านก็ได้เป็น เพราะท่านเป็นหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อกล่าวหาที่บอกว่าการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผิดพลาด ล้มเหลวไร้ความรู้ ความสามารถ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และไม่สามารถสร้างความอยู่ดีกินดีให้ประชาชนได้เลย อะไรดีตนก็รับไป อะไรไม่ดีตนก็สวดมนต์ให้ไป ไม่เป็นศัตรูกับท่าน จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงผลงานในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา โดยย้ำเป็น 8 ปีแห่งความมั่นคง

“ขอฝากเรียนไปยังประชาชนว่าอยากให้ลูกหลานของท่านถูกชักจูงไปทำผิดกฎหมาย เพราะคนที่เราคนที่ชักจูงยังเคลื่อนไหวอยู่ภายนอก ถึงเวลาติดคุกก็ไม่มีใครไปดูแลลูกหลานของท่าน อนาคตจะหายไปหมดจะฟังอะไรก็ขอให้คิดให้ดี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นก้าวแรกๆ ของการเดินทางไกลของตน และเชื่อในคำกล่าวที่ว่า กาลเวลาพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน สิ่งที่เริ่มดำเนินการไปเป็นส่วนหนึ่งที่ภูมิใจทำสำเร็จ ฝากให้ทุกคนที่เก่งๆ มีโอกาสสานต่อไป

“ผมรู้ว่าไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้ ประเทศไทยยังคงต้องยืนหยัดแบบนี้ ผมจะอยู่ไม่อยู่ ประเทศไทยต้องอยู่ เป็นดินแดนแห่งความเจริญสงบสันติสุขบนแผนที่โลกอีกต่อไป ผมฝากเรื่องเดียว คือ ความร่วมมือในการทำงาน อะไรดีสอนกันแนะกัน จะได้สำเร็จเป็นความภาคภูมิใจของเราทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว