เรียกได้ว่ากำลังกลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ชาวเน็ตบนโลกออนไลน์ต่างพากันให้ความสนใจ และติดตามกันเป็นจำนวนมาก สำหรับเรื่องราวของ “พอร์ส-นรากร อิสระวรางกูร” นักร้องนำและมือกีตาร์ของวง Yes Indeed วงดนตรีวัยรุ่นเปิดหมวกที่โด่งดังเป็นพลุแตก จากการเล่นที่สยามสแควร์ จนถูกพูดถึงอย่างหนักในโลกออนไลน์ ซึ่งต่อมาทางต้นสังกัด EXP Entertainment ได้ออกหนังสือประกาศจ่อฟ้อง หลังจากผู้ปกครองเข้ามาเจรจาขอยกเลิกสัญญากลางคัน หลังเซ็นมากว่า 1 ปี และรับงานโดยไม่แจ้งทางต้นสังกัด

โดยหลังจากนั้นทางพอร์ส ได้แต่งตั้ง “ทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด” ให้มาช่วยดูเรื่องสัญญาที่ไม่มีความเป็นธรรม และต้องการจะยกเลิกสัญญาดังกล่าว พร้อมทั้งโพสต์เล่าเรื่องสัญญาบริษัทฯ ที่ไม่เป็นธรรมกับตัวศิลปิน มุ่งเอาประโยชน์ฝ่ายเดียว ที่ผ่านมานับตั้งแต่พอร์สเซ็นสัญญา บริษัทฯ ไม่เคยส่งเสริมหรือสนับสนุน สิ่งที่บริษัทฯ มักจะทำคือให้พอร์สถ่ายสินค้าให้กับทางบริษัทฯ โดยแลกกับเงินเพียงน้อยนิด แต่พอดังเริ่มแสดงความเป็นเจ้าของ เด็กจึงต้องการบอกเลิกสัญญาดังกล่าว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ค่ายเพลง ​EXP Entertainment นำโดยผู้บริหาร คุณท็อป-วงศพัทธ์  รติพัชรพรกุล, ผู้จัดการทั่วไป พร้อมด้วย ทนายนิด้า-ศรันยา หวังสุขเจริญ ร่วมแถลงข่าวชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่า “​บริษัท EXP Entertainment จึงขอประกาศแถลงข่าวและชี้แจ้งข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ดังนี้

1. เรื่องการบังคับใส่ Boxer ทางบริษัทฯ ไม่เคยมีการบังคับศิลปินในการใส่กางเกง Boxer แต่อย่างใด และทางบริษัทฯ ยังมีคลิปต้นฉบับโดยที่ยังไม่ผ่านการตัดต่อ แสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าไม่ได้มีการบังคับใดใด และกางเกง Boxer ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ของทางบริษัทฯ หากเป็นสปอนเซอร์ที่สนับสนุนรายการ มพร. และผลิตภัณฑ์นี้ได้มอบให้ มพร. ด้วย

2. เรื่องการไลฟ์สด TikTok ไม่ได้ค่าตัว การไลฟ์สดในช่องทาง TikTok เป็นส่วนหนึ่งในการ PR โปรเจคท์ มพร. โดยการไลฟ์สดของ ทั้ง 3 คน จะเป็นการไลฟ์จากที่บ้าน ไม่ได้ให้มีการเดินทางหรือออกไปถ่ายนอกสถานที่แต่อย่างใด จึงไม่มีการให้ค่าตัว เพราะมองว่าเป็นการทำกิจกรรมเพื่อโปรโมตตัวศิลปินเท่านั้น

ไม่ได้มีเจตนาในการ collab เพื่อดึงยอดไลฟ์แต่อย่างใด และในตอนนั้น TikTok ของพอร์ส ที่ส่งให้กับทางบริษัทฯ เพื่อใช้ในการขายงานมียอดฟอลเพียงหลักหมื่นเท่านั้น ไม่ใช่หลักแสนตามที่ทนายอ้าง ซึ่งภายหลังพอร์สได้มีการเปลี่ยนการใช้งาน Account เพราะบอกว่า Account เดิมโดนปิดกั้นการมองเห็น ราคาค่าตัวของพอร์ส ขึ้นอยู่กับยอดผู้ติดตามในโซเชียล ซึ่งในตอนแรก ไม่ได้มียอดผู้ติดตามมากเท่าในขณะนี้

3. เรื่อง ไม่เคยมีการลงรูปโปรโมตพอร์สในช่องทางโซเชียลมีเดีย รูปที่ทนายนำมาอ้างอิงคือรูปของทางบริษัทอื่น ไม่ใช่รูปที่ทางบริษัทฯ ทำขึ้นแต่อย่างใด ในช่องทาง Social Media ของ EXP มีการลงรูปพอร์สอยู่ตลอด เพียงแต่ยังไม่สามารถลงได้มาก เพราะอยู่ในช่วงทำเพลงเพื่อเปิดตัว

4. การรับเงิน 30,000 บาทจากห้างชื่อดัง ตามที่ทนายกล่าวอ้าง มีการใส่ความว่าทางบริษัทฯ รับเงินจากห้างดัง จำนวน 30,000 บาท ซึ่งเป็นค่าตัวของน้องพอร์ส ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทางบริษัทฯ ได้ปฏิเสธการรับเงิน โดยเฉพาะการหารายได้จากการแสดงดนตรีเปิดหมวกและให้ทางห้างไปจ่ายกับทางศิลปินเอง โดยทางบริษัทฯ มีหลักฐานแชทกับเจ้าของงานชัดเจน

5. พอร์สมีความลำบากในการรับงานเพราะบริษัทฯ จะหักเปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่วันที่เซ็นสัญญา นับตั้งแต่วันเซ็นสัญญาจนถึงปัจจุบัน ทางบริษัทฯ ไม่เคยหักเงินน้องพอร์สเลย ทุกอย่างมีหลักฐาน อีกทั้งยังเปิดกว้างในการรับงาน รวมไปถึงมีความยืดหยุ่น ในเรื่องการจัดหางานที่ติดต่อมาทางพอร์ส หรือทางผู้ปกครองโดยตรง บริษัทฯ จะไม่เข้าไปยุ่งกับเงินในส่วนนั้นแต่อย่างใด บริษัทฯ จะหักเปอร์เซ็นต์ เฉพาะงานที่ทางบริษัทฯ จัดหามาเองเท่านั้น ตามสัญญาคือ ศิลปิน 80% บริษัทฯ 20%

6. สัญญาทาส บริษัทฯ เซ็นสัญญากับศิลปิน 3 ปี หากเป็นผู้เยาว์ จะให้ผู้ปกครองโดยชอบธรรมมาร่วมดูสัญญา และเซ็นด้วย บริษัทฯ จะหักเปอร์เซ็นต์ เฉพาะงานที่ทางบริษัทฯ จัดหามาเองเท่านั้น ตามสัญญาคือ ศิลปิน 80% บริษัท 20% ไม่เคยมีศิลปินในบริษัทฯ ท่านไหน ที่เซ็นสัญญาแล้วไม่ได้ออกซิงเกิ้ล โดยทางบริษัทฯ มีหลักฐานทุกอย่าง และสามารถตรวจสอบได้ทุกช่องทาง ทนายนำแชตอ้างว่าเป็นศิลปินในบริษัทฯ ซึ่งไม่ได้ออกเพลง เช่นเดียวกับพอร์ส เป็นการกล่าวอ้างโดยปราศจากความจริง ซึ่งทางบริษัทฯ ยืนยันว่าไม่มีศิลปินท่านใดที่เซ็นสัญญากับทางบริษัทฯ แล้วไม่ได้ออกซิงเกิ้ลเลย

ทาง EXP Entertainment จึงขอแถลงการณ์เพื่อโต้แย้งข้อกล่าวหา และชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมหลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับการถูกกล่าวหาทุกประการ”..