สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ว่า นายโฟลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยแพร่รายงาน ว่า ศาลเมียนมามีคำพิพากษา ในสัปดาห์นี้ ให้นักศึกษาชายอย่างน้อย 7 คน ซึ่งเป็นแกนนำการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทหาร รับโทษประหารชีวิต และวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ว่า เป็นการใช้บทลงโทษประหารชีวิต “เพื่อบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง”


ทั้งนี้ สถิติของยูเอ็นระบุจำนวนนักโทษประหารสะสมในเมียนมา นับตั้งแต่การรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 อยู่ที่อย่างน้อย 139 คน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศเมียนมายังปฏิเสธให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ ต่อการเปิดเผยของยูเอ็น ด้านสื่อท้องถิ่นรายงานเพิ่มเติมว่า นักศึกษาทั้ง 7 คนดังกล่าว ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในเมืองย่างกุ้ง ถูกจับกุมเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงจากอาวุธปืนภายในธนาคารแห่งหนึ่ง


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังรัฐบาลทหารเมียนมายืนยันการประหารชีวิต นักการเมืองและนักเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้ามรวม 4 คน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ทศวรรษ ที่เมียนมาใช้บทลงโทษประหารชีวิต ขณะที่รัฐบาลทหารเมียนมากล่าวว่า คาดการณ์ปฏิกิริยาของประชาคมโลกไว้แล้วล่วงหน้าแล้ว และยืนยันว่า การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม “ไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล”

เนื่องจากหากเปรียบเทียบบทลงโทษประหารชีวิตที่มีต่อจำเลยกลุ่มนี้ กับบทลงโทษประหารชีวิตของจำเลยคดีอื่น บุคคลทั้งสี่ “น่าจะได้รับโทษประหารชีวิตหลายครั้ง” จากความผิดโทษฐานเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ และสร้างความเสียหายในระดับร้ายแรงอย่างไม่อาจแก้ไขได้.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES