เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 5 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ โรงพยาบาลขุนหาญ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) และคณะ ได้เดินทางมาเยี่ยมอาการบาดเจ็บของ ส.อ.วรงค์กร ศรีงาม ผู้บังคับสุนัขตรวจค้นทุ่นระเบิด ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการตรวจค้นทำลายวัตถุระเบิดที่บริเวณฐานทหารพรานเก่า ช่องพระพะลัย อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารอีก 1 ราย คือ ส.อ.อัครพล ภูวดลวรนาถ เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดที่พลาดไปเหยียบกับระเบิดเสียชีวิต ซึ่ง นายชัยวัฒน์ ได้มอบกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และมอบเงินให้กับ ส.อ.วรงค์กร และมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับญาติของ ส.อ.อัครพล เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยมี พ.อ.อนุวัตร เก็บรักษา รอง ผบ.หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ และคณะนายทหารร่วมให้การต้อนรับ

พ.อ.อนุวัตร เก็บรักษา รอง ผบ.หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ เปิดเผยว่า เหตุระเบิดครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.37 น. ของวันที่ 5 ม.ค. 66 ขณะนั้น เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ กำลังดำเนินการเก็บกู้กับระเบิดอยู่ที่บริเวณฐานทหารพรานเก่า ด้านช่องพระพะลัย อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังปฏิบัติงาน ได้พลาดไปเหยียบกับระเบิดที่ฝังอยู่ในพื้นดิน เป็นระเบิดชนิด TNN หรือที่เรียกกันว่า ปิ่นโต เนื่องจากลักษณะของระเบิดคล้ายกับปิ่นโต ผลิตในประเทศรัสเซีย ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นป่ารกทึบมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ส.อ.วรงค์กร ศรีงาม ผู้บังคับสุนัขตรวจค้นทุ่นระเบิด ได้รับบาดเจ็บโดนสะเก็ดระเบิดที่หน้าอกข้างขวา และบริเวณหน้าแข็งขาข้างซ้าย ส่วน ส.อ.อัครพล เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดโดนแรงระเบิดทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งมายัง รพ.ขุนหาญ แต่ว่า ส.อ.อัครพล ได้เสียชีวิต เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ส่วน ส.อ.วรงค์กร แพทย์ รพ.ขุนหาญ ได้ส่งตัวต่อไปยัง รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เพื่อทำการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ต่อไป

จ่าสิบเอกอุทิตย์ เกตุตะคุ นายสิบพยาบาลประจำหน่วยเก็บกู้กับระเบิด ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ตนได้ยินเสียงระเบิดดังตูม น้องที่อยู่ข้างๆ คือ ส.อ.วรงค์กร ก็เรียกปาล์มๆ คือ ส.อ.อัครพล ที่เข้าไปกู้ระเบิดด้วยกัน ตนซึ่งอยู่ใกล้ๆ ห่างประมาณ 20 เมตรก็ได้รีบวิ่งเข้าไปช่วย โดยก่อนที่จะวิ่งเข้าไปช่วยน้องอีกคนที่ได้รับบาดเจ็บได้เคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว ตนได้ดึงเอาร่างของ ส.อ.อรรถพล ออกมา ช่วงที่เกิดระเบิดขึ้นมา ตนภาวนาว่าขอให้เป็นระเบิดที่ระเบิดขึ้นมาโดยที่ไม่ใช่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง พอเข้าไปเห็นสภาพแล้ว โดยที่เราผ่านการทำงานด้านนี้มา และการควบคุมสติของเรา ก็ได้เข้าไปช่วยน้องด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่ ก่อนจะพา ส.อ.อรรถพล ออกมาจนถึงที่ รพ.ขุนหาญ ซึ่งสถานที่เกิดเหตุอยู่ที่ฐานทหารพรานเก่าช่องพระพะลัย ห่างจากฐานทหารของกัมพูชาประมาณ 500 เมตร สามารถมองเห็นและพูดคุยกันได้อย่างชัดเจน

จ่าสิบเอกอุทิตย์ กล่าวต่อว่า ตนเจอ ส.อ.อัครพล ครั้งแรก ตนได้ช่วยเหลือด้วยการห้ามเลือดก่อน ได้เรียกปลุกสติ แต่ว่า ส.อ.อัครพล ไม่มีสติแล้ว ตนได้ทำการขันชะเนาะ 2-3 ที่ ทั้งขาและแขนห้ามเลือดที่ไหลออก ซึ่งหลังจากที่ตนและคณะเจ้าหน้าที่ทหารพยายามห้ามเลือดอยู่นั้น ส.อ.อัครพล ไม่มีความรู้สึกแล้ว ตนกับเจ้าหน้าที่ทหาร 3-4 คน จึงได้ช่วยกันนำเปลห้ามผู้บาดเจ็บลงมาจากสถานที่เกิดเหตุ ลงจากเขาอย่างทุลักทุเล ล้มลุกคลุกคลานจนถึงรถพยาบาล เพื่อนำส่งไปยัง รพ.ขุนหาญ ระหว่างทางที่อยู่บนรถ ตนก็พยายามปั๊มหัวใจของ ส.อ.อัครพล มาเรื่อยจนกระทั่งถึง รพ.ขุนหาญ

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในวันนี้เราสูญเสียผู้พิทักษ์ป่าอีกหนึ่งคน คือ ส.อ.อัครพล เป็นผู้ที่เข้าไปเก็บกู้กับระเบิดขึ้นมา และทำให้ได้รับอุบัติเหตุเสียชีวิต ส่วนอีกหนึ่งคนได้รับบาดเจ็บคือ ส.อ.วรงค์กร ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทาง รพ.ขุนหาญ จะได้รีบนำตัวส่งไปยัง รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ซึ่งหน่วยงาน TMAC เป็นหน่วยงานที่เสี่ยงภัยและเป็นเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนที่จะต้องเดินป่าผ่านปัญหาอุปสรรคเยอะแยะมากมาย ซึ่งในวันนี้ เราเห็นว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นของผู้บริหารในการเรียกเก็บเงินและก็เรียกเก็บเปอร์เซ็นต์กับการทำงานของเจ้าหน้าที่ ท่านจะเห็นแล้วว่า ในวันนี้เราสูญเสียอะไรไปบ้าง และก็จะกระทบต่อการลาดตระเวนคุณภาพ ปัญหาของป่ามีมากมายมีทั้งกับระเบิด มีทั้งภัยคุกคาม มีทั้งผู้ล่า มีทั้งอาวุธสงครามที่ทันสมัยกว่าเรา เราก็ต้องปกป้องป่า เพราะฉะนั้น ขอวิงวอนเห็นใจเราด้วยว่า เราต้องทำงานอย่างไรบ้างทุกคน และขอให้ทุกคนในสังคมช่วยกันภาวนาให้เจ้าหน้าที่ทหารคือ ส.อ.วรงค์กร ให้ปลอดภัยที่ไปทำการเก็บกู้กับระเบิดครั้งนี้ ส่วน ส.อ.อัครพล ผู้ที่เสียชีวิต ทางเราเองก็ขอแสดงความเสียใจ และขอยืนยันว่า ผู้พิทักษ์ป่าทุกคนที่อยู่ในป่าทั้งหน่วยงานทหารและเจ้าหน้าที่อุทยานป่าไม้ที่ทำหน้าที่รักษาป่า จะทำการรักษาป่าต่อไปอย่างเต็มที่.