จากกรณี อุบัติเหตุ จยย. พุ่งชนเสาไฟฟ้า เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตคือ นายแกรม ฟอสเตอร์ อายุ 59 ปี วิศวกรด้านแท่นขุดเจาะน้ำมัน สัญชาติออสเตรเลีย จากการสอบสวนเชื่อว่าเป็นฝีมือแก๊งเด็กแว้นในพื้นที่ ซึ่งชอบขี่ จยย. ซิ่งแข่งกลางถนน หากใครไม่ยอมหลบหลีกให้ ก็จะทำร้ายอีกฝ่าย โดยเหตุเกิดบริเวณ ถนนสายทุ่งกลม-ตาลหมัน ห่างจากวัดทุ่งกลม ประมาณ 700 เมตร มุ่งหน้าไปถนนสายห้วยใหญ่ หมู่ 14 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 21 ม.ค. นางกิตติยาภรณ์ ฟอสเตอร์ ภรรยาของผู้เสียชีวิต เดินทางมาให้การกับตำรวจ สภ.หนองปรือ ว่า หลังจากดื่มกินจากร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 800 เมตร ตนได้ขับรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สีน้ำตาล ทะเบียน ขล 9085 ชลบุรี พร้อมกับลูกสาว 2 คน ตามหลังจักรยานยนต์ของสามีกลับที่พัก โดยทิ้งระยะห่างไม่เกิน 100 เมตร พร้อมยืนยันว่า มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 4-5 คน ขี่จักรยานยนต์ 4 คัน ตามประกบข้าง และพยายามก่อกวน ขี่ปาดหน้าไปมาหลายครั้ง

จนมาถึงช่วงทางโค้ง ซึ่งเป็นที่มืด ไม่มีแสงไฟส่องทาง ไม่รู้ว่ากลุ่มวัยรุ่นทำอะไรกับสามีของตน ก่อนที่จักรยานยนต์จะเสียหลักล้มไปฟาดเสาไฟฟ้าจนเสียชีวิต ส่วนวัยรุ่นหลังเกิดเหตุ ได้ขี่รถวกกลับไปเส้นทางเดิม ไม่มีการจอดลงมาช่วยสามีของตนแต่อย่างใด ทั้งนี้สามีได้ดื่มสุราเข้าไป แต่ยังสามารถคุมสติได้ จึงอยากให้ตำรวจช่วยติดตามกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้มาสอบสวน หาข้อเท็จจริงด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านค้า ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร พบว่าผู้ตายขี่ จยย. มาตามเส้นทาง โดยมี จยย. ของกลุ่มวัยรุ่น 2 คัน พยายามขี่ตีคู่กัน ก่อนจะมีรถมิตซูบิชิ ของภรรยาผู้ตายขับตามหลัง ก่อนจะหลุดมุมกล้องหายไป พอเวลาผ่านไปประมาณ 1 นาที ก็พบว่ามีกลุ่มวัยรุ่น 4 คน ขี่ จยย. คนละคัน วิ่งกลับมาเส้นทางเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับคำให้การของภรรยาผู้ตาย โดยชุดสืบสวนจะได้เร่งติดตามหากลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้มาสอบสวนต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเรื่องขึ้น มีชาวบ้านในพื้นที่แจ้งเบาะแสว่า กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวขับขี่ป่วนเมืองมานานแล้ว ทั้งยังจับกลุ่มมั่วสุมกันบริเวณสวนสาธารณะอ่างเก็บน้ำชากนอก เขตเทศบาลเมืองหนองปรือ มีการจับต้มน้ำกระท่อม ดื่มสุรา ส่งเสียงร้องเพลงกันดังลั่น ท้าทายอำนาจกฎหมายบ้านเมือง พอตำรวจสายตรวจเห็น ก็ซิ่ง จยย. หนีหาย จนชาวบ้านเอือมระอา ขณะเดียวกันยังมีเสียงเล่าลือเกี่ยวกับความเชื่อด้านจิตวิญญาณว่า ตรงจุดเกิดเหตุเป็น “เสาไฟอาถรรพณ์” เนื่องจากก่อนหน้านี้ เคยมีอุบัติเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ศพ โดยศพของชาวต่างชาติรายล่าสุด ถือเป็นศพที่ 3 ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายคนที่ขับรถพลาดมาชนเสาต้นดังกล่าวจนโค่นพังเสียหาย แม้เจ้าหน้าที่จะติดตั้งเสาให้ใหม่แล้วก็ตาม แต่ก็ยังปรากฏว่ามีอุบัติเหตุในจุดเดิม จนชาวบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากได้ยินเสียงรถประสบอุบัติเหตุ ก็ให้วิ่งมาดูที่เสาต้นเดิม ก็จะพบว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตรงจุดเดิมอย่างแน่นอน บางรายไม่เสียชีวิตแต่ก็ต้องพิการนอนป่วยติดเตียง ทำให้ช่วงเวลากลางคืน ชาวบ้านมักจะเลี่ยงไม่ขี่ จยย. ผ่าน เนื่องจากหวาดผวากลัวจะต้องเจอกับสิ่งลี้ลับ หรือพลาดไปประสบอุบัติเหตุเสียเอง.