เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 5 ก.พ. ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ เขตหลักสี่ กทม. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงาน กทม. และ น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานนวัตกรรมการเมืองของพรรค จัดกิจกรรมเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งเขตหลักสี่ ของพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตหลักสี่ เพื่อเตรียมพร้อมรับเลือกตั้ง โดยศูนย์อำนวยการแห่งนี้เป็นศูนย์แรกของกรุงเทพมหานคร มีแนวคิด “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ยาเสพติด ปราบทุจริตสังคมปลอดภัย”

นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง หากเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จะต้องมีการเลือกตั้งภายในปีนี้ ไม่ว่าจะอยู่ครบเทอมหรือยุบสภา ที่บอกว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ เพราะเป็นการเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง น่าจะพูดได้เลยว่าศูนย์แรกของทุกพรรคการเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่มี “รองแต้ม” เป็นตัวแทนทำหน้าที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตนี้ ทั้งนี้ การเปิดศูนย์วันนี้จะถือเป็นการเตรียมความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่พร้อมเสนอตัวรับใช้ประชาชน เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอีกทางเลือกหนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์มาถึงวันนี้ มีความพร้อมทั้งตัวผู้สมัคร นโยบาย และระบบบริหารจัดการ ตนพร้อมที่จะเดินหน้านำพรรคไปรับใช้ชาวกรุงเทพมหานครในการเลือกตั้ง ตอนนี้พรรคมีผู้สมัครครบแล้ว 30 คน 30 เขต ยังรอความชัดเจนที่ 3 เขตจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่าในวันที่ 6 ก.พ. ตนจะไปดูงานที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อดูงานด้านนโยบายเกี่ยวกับการค้า มองว่าตะวันออกกลางมีศักยภาพในการซื้อขายสินค้ากับไทย เชื่อว่าอย่างน้อยทำเงินให้กับประเทศไทย 3 หมื่นล้านบาท ย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำในวันนี้ ไม่ใช่ล่องลอยอยู่ในวันข้างหน้า จะทำต่อไปในอนาคต หากพี่น้องให้โอกาส ส่วนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพมหานครของพรรค คือ จะจัดตั้งธนาคารชุมชนกรุงเทพมหานคร ชุมชนละ 2 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งทุนให้กับชุมชนแต่ละชุมชนได้เข้าถึง เพื่อนำไปพัฒนาเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ให้กับครอบครัวต่อไป

“อีกนโยบาย เป็นเรื่องนมโรงเรียน โดยนโนบายนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนเริ่ม ตั้งแต่สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี มาถึงวันนี้เงินมีจำกัดทำได้แค่ 280 วันเท่านั้น หากพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะทำให้นมโรงเรียนฟรีได้ 365 วัน พร้อมย้ำว่า อีกไม่นาน พรรคประชาธิปัตย์จะประกาศนโยบายสร้างงาน สร้างคน สร้างชาติ เวอร์ชั่นกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะขึ้นมา”

“พรรคประชาธิปัตย์ยังอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับชาวกรุงเทพมหานครเสมอมา ซึ่งผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร มองว่าไม่มีใครได้มากตลอดกาล และได้น้อยตลอดกาล พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยลืมชาวกรุงเทพฯ ให้ความสำคัญกับพื้นที่กรุงเทพมหานครเสมอ เพราะพี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร คือ ลมหายใจของพรรคประชาธิปัตย์ ถึงวันนี้ 76 ปีไม่นานผมจึงต้องขอขอบคุณพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครไว้ ณ ที่นี้” นายจุรินทร์ กล่าว

ทางด้าน น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข เห็นชอบร่างกฎกระทรวงฯ ว่าด้วยการกำหนดจำนวนยาบ้า ให้ผู้ครอบครองเกิน 1 เม็ด เป็นผู้ค้ายาเสพติด และเตรียมส่งเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาในวันที่ 7 ก.พ.นี้ ว่าเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งกับความพยายามของหลักการสากล ในการเปลี่ยนมุมมองจากผู้เสพเป็นผู้ป่วย มากว่าผลักให้คนเหล่านี้ไปเป็นอาชาญกร และความพยายามในการเปลี่ยนมุมมองจากผู้เสพเป็นผู้ป่วย ยังเน้นกระบวนการบำบัดรักษาฟื้นฟู เพื่อช่วยให้ผู้เสพสามารถกลับคืนสู่สังคมได้ง่ายขึ้น 

ผู้เสพต้องได้รับการบำบัดทั้งทางร่างกายและจิตใจทำให้รู้ถึงโทษและพิษภัย ไม่กลับไปแตะต้องอีก ซึ่งการกำหนดให้ผู้ครอบครองยาเกิน 1 เม็ดเป็นผู้ค้านั้น ไม่สามารถแก้ปัญหายาเสพติดได้ มีแต่จะสร้างปัญหาอื่นเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจำ แต่เป็นการตัดโอกาสในการกลับคืนสู่สังคมของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เรามักจะเห็นข่าวบ่อยครั้ง ที่ผู้ต้องขังคดียาเสพติด พ้นโทษมาแล้วก่อเหตุซ้ำ หลายคนเข้าไปสร้างเครือข่ายกันในเรือนจำ บางคนมีอาการทางจิต หากไม่ได้รับการบำบัดรักษา ก็จะส่งผลต่อความปลอดภัยในสังคมได้  

ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุข ศึกษามาตรการเหล่านี้ให้ชัดเจน เพราะการเปลี่ยนแปลงกติกาใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ควรมีผลการศึกษารองรับ และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน  ตลอดจนหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ไม่ควรทำ เหมือนกับกรณีปลดล็อกกัญชา ในขณะที่ยังไม่มี  ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …ออกมาควบคุม จนทำให้สังคมเกิดความปั่นป่วนมาแล้ว ทั้งนี้ การปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง แต่การปราบปรามยาเสพติดที่ยั่งยืน ควรแก้ปัญหาที่ต้นตอด้วยการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้เข้มงวดกับผู้ผลิตและผู้ค้ายาเสพติด ผ่านความร่วมมือระดับสากลระหว่างรัฐบาลเพื่อปราบปรามเครือข่ายผู้ค้าและผู้ผลิตรายใหญ่ และแก้ปัญหาผู้เสพด้วยการยกระดับระบบการบำบัดฟื้นฟูผู้เสพยาให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้เสพสามารถกลับคืนสู่สังคมได้อย่างสมบูรณ์ ก่อนจะออกกฎใดๆ จำเป็นจะต้องมีความเข้าใจปัญหาอย่างท่องแท้ มิเช่นนั้นจะมีแต่นำประเทศลงเหว.