เมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ในฐานะรองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลโดย คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะประกาศลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 0.50 บาท เหลือลิตรละ 34.50 บาท ในวันที่ 15 ก.พ. 66 ซึ่งเป็นแนวทางที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้รัฐบาลลดราคาน้ำมันดีเซลมาโดยตลอด และได้ออกเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยในเรื่องดังกล่าว อีกทั้งจากราคาน้ำมันดิบของโลกที่มีราคาลดลง ดังนั้นการลดลงของราคาน้ำมันดีเซลเพียงลิตรละ 0.50 บาท จึงเป็นการลดราคาที่น้อยเกินไปและลดช้าเกินไป เพราะราคาน้ำมันดิบของโลกได้ลดลงมานานแล้ว น่าจะต้องลดราคาน้ำมันดีเซลลงมากกว่านี้ ขนาด รมว.คลัง ยังบอกเองว่า น่าจะลดลงลิตรละ 2 บาท ตามแนวทางที่พรรคเพื่อไทยบอกไว้แต่แรก

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบของโลกได้ลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกับก่อนมีสงครามรัสเซีย-ยูเครน แล้ว และราคาน้ำมันดีเซลในช่วงนั้นยังอยู่ไม่เกินลิตรละ 30 บาท อีกทั้งในสมัยรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงถึงบาร์เรลละ 110 ดอลลาร์ ราคาขายน้ำมันดีเซลยังต่ำกว่าลิตรละ 30 บาทได้ อีกทั้งค่าเงินบาทก็แข็งค่าขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าทำไมจึงลดราคาน้ำมันดีเซลเพียงแค่ลิตรละ 0.50 บาทเท่านั้น แถมยังลดในวันที่ 15 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่สภาผู้แทนราษฎรเริ่มอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามมาตรา 152 เหมือนต้องการกลบข้อบกพร่องของรัฐบาลที่ฝ่ายค้านจะแฉในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่ควรจะลดราคาน้ำมันดีเซลได้ก่อนหน้านี้นานแล้ว

นายพิชัย กล่าวต่อไปว่า ทุกครั้งที่พรรคเพื่อไทยเสนอให้ลดราคาน้ำมัน รัฐบาลจะบอกว่าทำไม่ได้ แต่สุดท้ายต้องทำตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอ ซึ่งหากจำกันได้ พรรคเพื่อไทยได้เสนอให้รัฐบาลลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ลิตรละ 5 บาท มานานแล้ว รัฐบาลก็บอกว่าทำไม่ได้ แต่สุดท้ายต้องทำตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน พรรคเพื่อไทยเสนอให้ลดราคาน้ำมันดีเซลนานแล้ว ซึ่งทำได้นานแล้วแต่รัฐบาลกลับไม่ยอมทำ รัฐบาลเพิ่งคิดจะทำในช่วงหาเสียงก่อนเลือกตั้งนี้ การที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลไม่ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล แต่ให้กองทุนน้ำมันที่เก็บเงินจากประชาชนไปแบกค่าน้ำมันดีเซลแทน ทำให้กองทุนน้ำมันขาดทุนมาก เมื่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลด รัฐบาลก็ไม่ยอมลดราคา ทั้งที่ลดราคาได้

ในปัจจุบัน รัฐบาลเก็บเงินกองทุนน้ำมันในน้ำมันดีเซลสูงถึงลิตรละ 6.04 บาท ซึ่งสามารถลดลงมาได้ แม้ว่ากองทุนน้ำมันจะมีหนี้อยู่มาก แต่ไม่จำเป็นจะต้องรีบเก็บ สามารถนำมาลดให้ประชาชนก่อนได้บางส่วนชำระหนี้บางส่วน อีกทั้งในโครงสร้างราคาน้ำมันเอง รัฐบาลก็ยังจะสามารถลดราคาน้ำมันได้อีกหลายทาง

“ทั้งนี้ ราคาน้ำมัน และราคาพลังงานเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนของสินค้าและบริการแทบทุกชนิด หากลดราคาลงได้ จะสามารถแบ่งเบาภาระของประชาชนได้มาก อีกทั้งยังลดเงินเฟ้อที่เดือนมกราคมยังสูงถึง 5.02% หลังจากปีที่แล้วเงินเฟ้อทั้งปีสูงถึง 6.08% สร้างความลำบากให้กับประชาชนอย่างมาก ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาชน จะมีนโยบายในการลดราคาน้ำมัน ไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ที่ทำได้จริงอย่างแน่นอน” อดีต รมว.พลังงาน กล่าว