เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางเข้าพรรรค พท. อย่างเป็นทางการ ภายหลังได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งดังกล่าว โดยมี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรค นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค ให้การต้อนรับ

นายเศรษฐา กล่าวเปิดใจว่า ตนเป็นสมาชิกพรรค พท. อยู่แล้ว ได้มีส่วนร่วมในการให้คำปรึกษาและพูดคุยกับผู้ใหญ่ภายในพรรคมาโดยตลอด วันนี้จึงเป็นฤกษ์ดีที่ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาทำงานการเมืองให้มากขึ้น ส่วนการเดินหน้าทำการเมืองเพื่อรณรงค์ไปสู่การเลือกตั้ง ขอให้เป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งตลอดการหาเสียงช่วงที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็ทำได้ด้วยดีมาโดยตลอด แต่คนที่ตั้งครรภ์ 7 เดือน ก็มีขีดจำกัด ส่วนตัวก็พร้อมที่จะมาช่วยในลักษณะที่ตนถนัด

เมื่อถามว่า นี่คือก้าวแรกของการเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปถึงขั้นนั้นเลย ขอให้เป็นขั้นตอนเพราะยังมีอีกหลายเรื่อง ต้องให้เกียรติสมาชิกพรรค พท. ด้วย โดยมีหลายท่านที่มีความเหมาะสม เมื่อถามย้ำว่าหลายฝ่ายฟันธงไปแล้วว่านายเศรษฐาคือแคนดิเดตนายกฯ ไปแล้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ตนมาเป็นที่ปรึกษาให้ น.ส.แพทองธาร มาช่วยเติมเต็มในส่วนที่คิดว่าจะช่วยประเทศชาติได้ หลังจากนี้จะไปช่วยหาเสียง ที่ผ่านมาเราทำธุรกิจอยู่แค่เมืองหลวงอย่างเดียว ซึ่งการลงพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น การลงพื้นที่ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ตนไปทำ แต่ต้องมีความเป็นตัวตนของตนด้วย และทำในสิ่งที่ตนถนัด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ที่พรรค พท. จะเปิดเวทีปราศรัยที่ จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ จะไปร่วมลงพื้นที่ด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขออนุญาตคุยกับผู้ใหญ่ในพรรคก่อน ตนพร้อมจะลงพื้นที่หากผู้ใหญ่มอบหมายและขึ้นกับว่าพรรคจะให้ทำอะไรบ้าง ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป

เมื่อถามว่าการเข้ามาในช่วงเวลาที่เหลืออีก 2 เดือนก่อนการเลือกตั้ง เป็นช่วงที่กระชั้นชิดไปหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า หากถามว่ากระชั้นไปหรือเปล่านั้น ตนเชื่อว่าพรรค พท. มีนโยบายที่เหมาะสม เข้าถึงประชาชนได้ มีนโยบายภาพใหญ่ที่ดีและทำได้จริง เมื่อเวลากระชั้นเข้ามาก็ต้องทำงานให้หนักขึ้น และเรามีทีมงานที่พร้อมจะทำงานอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า นายเศรษฐาจะนำทัพเดินสายหาเสียงทั่วประเทศเลยใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าใช้คำว่านำทัพเลย เพราะยังมีผู้ใหญ่อีกหลายท่าน มีคนที่มีคุณภาพเยอะ ขอให้เข้ามาช่วยกันดีกว่า เมื่อถามต่อว่า หากคณะกรรมการบริหารเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท. พร้อมจะรับหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้ถึงวันนั้นก่อนดีกว่า ต้องให้เกียรติ หากไปพูดก่อนจะเป็นการกดดันคนอื่นที่มีศักยภาพ ตนเป็นน้องใหม่ ยังมีผู้ใหญ่หลายท่านที่มีคุณภาพ

เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้พร้อมแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า จะพร้อมหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่ตนต้องพูด เป็นระบอบพรรคการเมือง เราไม่ใช่คนตัดสิน ต้องให้เกียรติผู้บริหารพรรคด้วย ที่สำคัญขณะนี้ยังไม่ยุบสภา ขอทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก่อน ในฐานะที่มีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจมากว่า 30 ปี ตนจะขอทำให้เต็มที่จนถึงที่สุด หวังว่าขอเสนอแนะของตนจะเป็นประโยชน์พรรคการเมือง ส่วนความพร้อมทางการเมืองขณะนี้ยังไม่ 100% ขอค่อยเป็นค่อยไปก่อน

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระบุว่า ประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ นายเศรษฐา กล่าวว่า ท่านเองก็เป็นผู้ใหญ่ ท่านพูดอะไร ตนมีวัยวุฒิและประสบการณ์การเมืองที่น้อยกว่า ตนคิดว่าที่ท่านพูดอะไรออกมาตนก็ฟัง ไม่มีคอมเมนต์อะไรมากกว่านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. เปิดเผยว่า พรรค พท. ได้ออกคำสั่ง ที่ 001/2566 เรื่อง แต่งตั้งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ตามที่คณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค พท. ในการประชุมครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 65 ได้รับทราบการเปิดตัวโครงการ “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม” และต่อมาได้มอบหมายให้ น.ส.แพทองธาร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพื่อดำเนินกิจกรรมดังกล่าว และต่อมาได้มีคำสั่งพรรคเพื่อไทย ที่ 0004/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานรับผิดชอบโครงการ “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม” ลงวันที่ 1 เม.ย. 65 ซึ่งการดำเนินโครงการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากกิจกรรมดังกล่าวจะต้องทำในทุกพื้นที่ทั่วประเทศจึงต้องอาศัยบุคลากรของพรรคที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมนี้ เพื่อให้โครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรค พท. พ.ศ. 2561 ข้อ 63 (7) จึงให้แต่งตั้งนายเศรษฐา เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยให้มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คณะทำงานของพรรคที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าวและดำเนินการอื่นใดตามที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปสั่ง ณ วันที่ 27 ก.พ. 66

โดยขณะนี้ นส.แพทองธาร ตั้งครรภ์ ทำให้มีข้อจำกัดในการขับเคลื่อน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และเราได้รับเกียรติจากนายเศรษฐา เข้ามาลงงานตรงนี้ และเราคิดว่าจะทำงานกันด้วยดี เพื่อประโยชน์ของประชาชน นอกจาก นายเศรษฐาจะเข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยแล้ว ยังเข้ามาเป็นคณะกรรมการพิจารณานโยบายและยุทธศาสตร์ทางการเมืองเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งนี้ จากการพูดคุยกันนายเศรษฐา ไม่ได้ขัดข้องที่จะร่วมงานกับพรรค พท. ในการที่จะรณรงค์ โดยเฉพาะในฤดูกาลเลือกตั้ง ส่วนจะมีการช่วยลงพื้นที่หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่ถ้าพร้อมก็ยินดี

เมื่อถามว่า การที่นายเศรษฐาเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย จะช่วยดึงคะแนนในกลุ่มเศรษฐกิจได้ดีแค่ไหน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ทุกกลุ่มเป็นกลุ่มเป้าหมาย หากเรามีคนที่มีความรู้ ความสามารถมาช่วยตอบโจทย์ให้เห็นโอกาสในมุมนั้น ๆ ได้ เพื่อจะก่อให้เกิดประโยชน์ ให้คนที่อยู่ในวงการนั้น เขาก็จะมีความเชื่อมั่นและความมั่นใจ ส่วนจะได้คะแนนมาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชน

ถามต่อว่า วางตัวนายเศรษฐา นำทัพช่วยหาเสียงอย่างไรบ้าง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรายังไม่พูดคุยในรายละเอียด เพราะกิจกรรมตามที่เราวางกรอบไว้ ก็มีคนที่รับผิดชอบอยู่ หากมีคนที่มีความรู้ความสามารถก็เข้ามาช่วยเติมเต็มได้ ทั้งนี้ คำว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในพรรค พท. เรามีคณะกรรมการคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ส่วนความเหมาะสมว่าใครจะเป็นหัวหน้าทีมขึ้นอยู่กับ ช่วงเวลา และโอกาส ในแต่ละช่วงที่จะต้องมีการพิจารณาว่าทีมเศรษฐกิจจะมีการดำเนินการอย่างไร เราไม่ได้มีข้อกำหนดหรือข้อแลกเปลี่ยนเพื่อที่เข้ามาจะเรียกร้องสิ่งใด ๆ

เมื่อถามว่า การที่นายเศรษฐาเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย มีคนมองว่าเป็นแคนดิเดตของพรรค นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “ขอบคุณข้อชวนคิดนี้ เราพยายามแสวงหาคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานพรรคให้ได้มากที่สุด ส่วนจะอยู่ในตำแหน่งไหนขึ้นอยู่กับกระบวนการพิจารณา ทั้งนี้ โดยกรอบระยะเวลาคร่าว ๆ เราจะมีการเตรียมการเรื่องแคนดิเดตนายกฯให้ได้ก่อนเวลาที่มีการคาดการณ์ว่ายุบสภา”