เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2727/2563 ที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เป็นจำเลยในความผิด ฐานหมิ่นประมาท และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 11 มี.ค.-1 เม.ย. 2563 นายอัจฉริยะ จำเลยได้ไลฟ์สด กล่าวหา นายจุรินทร์ เกี่ยวกับเรื่องการกักตุนหน้ากากอนามัยผ่านเฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ต่อเนื่องกันรวม 8 ครั้ง ทำนองว่า เป็นความอัปยศอย่างมาก ที่โจทก์ได้รับผลประโยชน์การส่งออกหน้ากากอนามัย การกักตุน และขายหน้ากากอนามัยเกินราคา ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งล้วนเป็นเท็จ

การกระทำของจำเลยทำให้ผู้ที่ได้เห็นเข้าใจว่า โจทก์เป็นคนไม่ดี บริหารงานราชการล้มเหลว ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย

ศาลพิเคราะห์ คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า ในข้อหา หมิ่นประมาทนั้น จำเลยทำหน้าที่ในการตรวจสอบ โจทก์ ซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะที่ประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของรองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์

ส่วนข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ นั้น ศาลเห็นว่า โจทก์ ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง แต่รัฐคือผู้เสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง.