เมื่อวันที่ 31 มี.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีต รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงเหตุผลที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ต้อนรับกลุ่มสามมิตรอย่างอบอุ่น อาจเป็นเพราะช่วยแก้กฎกระทรวงเพื่อรองรับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องติดคุกในเรือนจำว่า ที่ รศ.ดร.ธนพร ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่งว่า หากนายทักษิณ กลับมาติดคุกจริง ก็มีโอกาสได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพราะปี 60 มีการตราพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ที่มีการกำหนดสถานที่อื่น ที่ไม่ใช่เรือนจำ ให้เป็นสถานที่คุมขังตามกฎกระทรวงที่ออกมาเมื่อปี 63 ซึ่งมีตนเป็นคนลงนามนั้น ขอเรียนข้อเท็จจริงว่า รศ.ดร.ธนพร เข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า คำสัมภาษณ์มีความพยายามจะเชื่อมโยงให้เห็นว่า ตนเป็นคนออกกฎกระทรวงที่รองรับนายทักษิณ ให้ไม่ต้องติดคุกในเรือนจำ แต่อาจใช้สถานคุมขังอื่นตามกฎกระทรวง เช่น บ้านพัก หรือ โรงพยาบาล แต่ข้อเท็จจริง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ปี 60 เริ่มร่างเมื่อปี 58 เพื่อปฏิรูปงานราชทัณฑ์ ด้วยการยกเลิก พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ปี 2479 ซึ่งใช้มา 80 ปี โดยขณะนั้นตนยังไม่ได้ดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม ซึ่งตนเข้ามาเมื่อปี 62 ส่วนการออกกฎกระทรวงใหม่ก็เป็นขั้นตอนสืบเนื่องจากการออก พ.ร.บ.ฯ เมื่อประกาศใช้ ปี 60 ส่วนราชการเจ้าของกฎหมาย ก็ต้องยกร่างกฎกระทรวงใหม่ โดยได้เริ่มยกร่างมาตั้งแต่ พ.ร.บ.ยังไม่ประกาศใช้ ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 3 ปี จากกรมราชทัณฑ์ ไปกระทรวง ส่งเข้า ครม. ส่งไปให้กฤษฎีกาตรวจร่าง แล้วถึงส่งคืนมาให้ รมว.ยุติธรรม ลงนามในปี 63

ส่วนที่มีการกำหนดสถานที่อื่นที่ไม่ใช่เรือนจำนั้น เจตนาของกฎหมายเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ต้องขังบางประเภท ที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเรือนจำ อันเป็นเหตุผลทางด้านมนุษยธรรม และทางด้านการปกครองเรือนจำเป็นสำคัญ เช่น ผู้ต้องโทษระยะสั้น ผู้ใกล้จะพ้นโทษ ผู้ป่วย แต่ไม่ใช่นักโทษเข้าใหม่แต่อย่างใด ซึ่งจะเห็นได้ว่า ขั้นตอนการดำเนินการทั้งหมดได้เริ่มมาตั้งแต่ ปี 60 ก่อนที่ตน จะเข้ามารับตำแหน่ง ดังนั้นที่ รศ.ดร.ธนพร อธิบายความเชื่อมโยงก็เป็นการสร้างความเข้าใจที่คาดเคลื่อน รวมถึงนายทักษิณ ก็เพิ่งประกาศว่าจะกลับประเทศไทย ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่กล่าวหาว่า มีการดีไซด์เรื่องนี้ตั้งแต่ปี 60 เพื่อรองรับนายทักษิณ

“เรื่องนี้เป็นการกล่าวหา แบบไม่ตรงเหตุและผล ซึ่งปกติผมจะไม่ค่อยออกมาตอบโต้ แต่ด้วยเป็นการสร้างความเข้าใจที่ผิด ให้แก่ข้าราชการกระทรวงยุติธรรม ที่มีความตั้งใจแก้กฎหมาย โดยเรื่องนี้ แค่ดูปี พ.ศ.ที่ออก พ.ร.บ. ก็ไม่ใช่ยุคผมเป็นรัฐมนตรีแล้ว ดังนั้น จะมาชี้นำว่า ผมเป็นคนช่วยแก้กฎหมายเพื่อรองรับคุณทักษิณ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งการแก้ไขกฎหมายไม่สามารถทำตามอำเภอใจ ของรัฐมนตรีได้ เพราะจะมีกลไกการตรวจสอบ ตั้งแต่การยกร่าง ครม. กฤษฎีกา และสภา โดยการนำเรื่องมาผูกโยงเองแบบนี้ ทำให้พี่น้องประชาชน เข้าใจผมผิด ซึ่งตลอดเวลาที่นั่งเก้าอี้ รมว.ยุติธรรม ผมทำแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน จนผู้ใหญ่ในบ้านเมืองยกให้กระทรวงยุติธรรมในยุคผม จากเกรดซี มาเป็นเกรดเอ เพราะมีหลายโครงการที่ได้ช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง“ นายสมศักดิ์ กล่าว.