จากกรณี “ติ๊นา ศุภนาฎ จิตตลีลา” นักแสดงสาวหล่อ ขับรถมินิคูเปอร์ ทะเบียน 1 ขด 1065 กรุงเทพมหานคร ชน นายวชิเรศ ยาจิตต์ อายุ 24 ปี อาชีพผู้ช่วยเชฟร้านอาหารฝรั่งเศส ขี่ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นแกรนด์ ฟิลาโน่ ทะเบียน 5 กข 1589 กรุงเทพมหานคร ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อเช้ามืดวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ สน.พระโขนง นายณชนก ยาจิตต์ อายุ 27 ปี พี่ชายของ นายวชิเรศ ยาจิตต์ อายุ 24 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ พร้อมด้วย นายปิยวุฒิ เปาทอง ทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ขณะที่ ติ๊นา-ศุภนาฎ มอบหมายให้ นายสันต์ กาวิชัย ทนายความ เป็นตัวแทนเข้าพบพนักงานสอบสวน

ภายหลังการเจรจา นายสันต์ ทนายความของติ๊นา เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการเจรจาเบื้องต้น เนื่องจากผู้บาดเจ็บยังมีอาการสาหัส และรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู การพูดคุยเป็นเรื่องของการรักษาน้องให้ดีขึ้น และกลับมาเป็นปกติ หลังเกิดเหตุ น้องผู้บาดเจ็บรักษาตัวภายในห้องไอซียู ของ รพ.เลิดสิน แต่อาการไม่ดีขึ้น วานนี้ (21 เม.ย. 2566) ญาติน้องที่บาดเจ็บได้โทรฯ มาว่า อาการน้องยังไม่ดีขึ้น จึงอยากย้ายไปรักษาตัวต่อที่ รพ.พญาไท2

โดยขอให้ทาง “ติ๊นา” รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ทาง “ติ๊นา” ยินดีรับผิดชอบ แต่วันนี้ลูกความไม่ได้มาเจรจาด้วย เพราะช่วยย้ายน้องออกจาก รพ.เลิดสิน ไปรัษาตัวต่อที่ รพ.พญาไท2 และรับเป็นเจ้าของไข้ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรักษาดังกล่าว ก่อนหน้านี้ “ติ๊นา” ยังได้ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บแล้ว แต่ทาง รพ. ยังงดเยี่ยม จึงได้มีการนำดอกไม้มอบให้ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า “ติ๊นา” ไม่ได้ไปเยี่ยมหาผู้บาดเจ็บเลย ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ทนายความของติ๊นา กล่าวอีกว่า ทางคดี “ติ๊นา” ยอมรับว่าขับรถประมาทค่อมเลนจนไปชนผู้บาดเจ็บจริง ส่วนเรื่องที่หลายคนตั้งขอส่งสัยว่าอาจจะมีการดื่ม และมีอาการมึนเมาจนขับรถชนหรือไม่นั้น ตนยังไม่ได้คุยรายละเอียด อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการตรวจจากตำรวจ หากมีการดื่มและเมาจริง ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ ให้น้องผู้บาดเจ็บหาย และกลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด

ด้าน นายปิยวุฒิ ทนายความผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า การพูดคุยในวันนี้ ยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการชดเชยค่าสินไหม แต่เป็นการพูดคุยในเรื่องการรักษาพยาบาลน้อง การพูดคุยเป็นไปด้วยความพอใจ เพราะฝั่งคุณติ๊นา ยินดีที่จะช่วยเหลือในส่วนนี้ ส่วนอาการน้องที่บาดเจ็บ ยังคงรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ของ รพ.พญาไท2 และที่น่าเป็นห่วงคือกระดูกเชิงกรานที่แตกร้าว และอาการสมองบวม ยังไม่รู้สึกตัว หลังจากนี้ต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป ทางพนักงานสอบสวนให้รอดูอาการน้องผู้บาดเจ็บ และผลการตรวจสารต่างๆ โดยจะมีการนัดพูดคุยอีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์

ขณะที่ นายณชนก พี่ชายผู้บาดเจ็บเผยว่า การเจรจาในครั้งนี้ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะทางคู่กรณียินดีที่จะช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล ส่วนทางญาติ ๆ และคุณแม่ก็เข้มแข็งขึ้น เนื่องจากสิ่งสำคัญตอนนี้คือ อยากให้น้องหายกลับมาเป็นปกติมากที่สุด.