เมื่อวันที่ 23 พ.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 สั่งการให้ชุดสืบสวน บก.สอท.2 และบก.สอท.5 จับกุมผู้ต้องหาคดีอาชญากรรมทางออนไลน์ 2 คดี

โดยคดีแรก จับกุมนางสาวสุจิรา (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี พักอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ จ.จันทบุรี โดยจับกุมได้ขณะยืนอยู่หน้าบ้านเช่าไม่มีบ้านเลขที่ หมู่ 5 ต.สามพี่น้อง อ.แก่งหางแมว ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” หลังผู้เสียหายแจ้งว่า ถูกขบวนการหลอกให้กู้เงินออนไลน์สินเชื่ออนุมัติไว หลอกลวงผู้เสียหายกดลิงก์แอดไลน์ “แอดมิน ฝ่ายสินเชื่อ” ใช้โปรไฟล์ปลอมสร้างความน่าเชื่อถือ หลอกให้โอนเงินออกจากบัญชีธนาคารผู้เสียหายกว่า 30 ครั้ง เชื่อมโยง 9 Case ID มูลค่าความเสียหายกว่า 1,470,000 บาท

คดีที่สอง จับกุมนายบุญมี คงคา อายุ 24 ปี และพวก ซึ่งเป็นเยาวชนอีก 4 ราย ในความผิดฐานตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากชุดสืบสวนพบทวิตเตอร์ชื่อ “น้าจอนปืนเถื่อน” มีพฤติการณ์โพสต์ขายอาวุธปืนไม่มีทะเบียนทางออนไลน์ จึงได้ให้สายลับทำการติดต่อขอซื้อปืน ในราคา 4,700 บาท ต่อมาทางกลุ่มคนร้ายแจ้งว่า ได้ทำการส่งอาวุธปืนมาให้ผู้ซื้อเรียบร้อยแล้ว และต่อมาได้มีโทรศัพท์ติดต่อกลับมาหาผู้ที่สั่งอาวุธปืนว่า เป็นการติดต่อมาจากบริษัทขนส่งเคอรี่ ตรวจพบพัสดุที่ผู้สั่งได้สั่งเป็นพัสดุผิดกฎหมาย แต่ทางเจ้าหน้าที่จะช่วยเหลือ ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ให้ทางผู้สั่งซื้อโอนเงินไปให้ทางพนักงานจำนวน 2 หมื่นบาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี ซึ่งเป็นการข่มขู่หลอกลวงให้เหยื่อโอนเงินอีกรอบหนึ่งในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้นำกำลังจับกุมได้ที่ย่านมีนบุรี

สอบสวนให้การรับว่า แบ่งหน้าที่กันทำ โดยจะมีคนจัดหาบัญชีม้า คนทำหน้าที่แอดมินเพจที่ใช้หลอกลูกค้าและตอบข้อความลูกค้า คนทำหน้าที่โทรฯ กลับไปข่มขู่เหยื่อ และหลอกว่าเป็นบริษัทขนส่ง อ้างมีของผิดกฎหมาย โดยเรียนรู้มาจากกลุ่มเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เคยกระทำความผิดลักษณะนี้ แต่อาจจะมีรูปแบบต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการหลอกขายสินค้าทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย และหลอกให้ทำงาน เป็นต้น ได้ใช้ช่องโหว่ของกฎหมายที่ผู้เสียหายไม่กล้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเกรงกลัวว่าตนเองจะต้องได้รับโทษ เพราะเกิดจากการสั่งสินค้าที่ผิดกฎหมาย กลุ่มคนร้ายจึงย่ามใจกระทำผิดเรื่อยมา เบื้องต้นพบว่าทำมา 1 ปี มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 2 ล้านบาท โดยเงินที่ได้นำมาใช้จ่ายและเที่ยวเตร่ จึงได้นำผู้ต้องหาและพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.