เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 มิ.ย. ที่ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อมด้วย น.ส.หมี (ขอสงวนชื่อสกุล) อายุ 26 ปี อาของเด็กสาวผู้เสียหาย และหลานสาวอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นเด็กพิเศษ เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ขอให้ช่วยเร่งรัดติดตามจับกุม ปู่เลี้ยง อายุ 52 ปี หลังก่อเหตุข่มขืนหลานสาวหลายครั้ง จนหลานสาวต้องถ่ายคลิปตัวเองไว้เป็นหลักฐาน เพราะกลัวไม่มีใครเชื่อ กระทั่งล่าสุดมีการหมายจับผู้ก่อเหตุแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม กลับแจ้งญาติผู้เสียหายว่าไม่รู้จุดการเข้าจับกุม อีกทั้งในการจับกุมมีค่าใช้จ่ายสูง ต้องจ้างเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกพื้นที่เข้าไปจับกุมผู้ก่อเหตุ

กัน จอมพลัง กล่าวว่า วันนี้อาของน้องผู้เสียหาย เดินทางมาจากนครปฐม เพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากหลังเกิดเหตุนานเกือบ 1 ปี แม้มีการแจ้งความออกหมายจับแล้ว แต่สิ่งสะเทือนใจสำหรับครอบครัวผู้เสียหายคือ เจ้าหน้าที่ยังจับคนก่อเหตุไม่ได้ อีกทั้งยังมีแชตในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของพื้นที่ ได้ส่งแจ้งญาติว่า จะต้องทำการจ้างตำรวจอีกจังหวัดไปจับกุมผู้ก่อเหตุ เพราะตอนนี้ยังไม่รู้จุด รวมถึงค่าใช้จ่ายสูง ตนไม่เข้าใจว่าการช่วยเหลือประชาชนเพื่อจับคนกระทำความผิดจะต้องใช้เงินหรือ เด็กที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมในประเทศนี้ จะต้องใช้เงินจ้างตำรวจในการจับผู้ต้องหาจริงๆ หรือ และถ้าไม่จ้างจับ ความเป็นธรรมจะเกิดขึ้นหรือไม่

กัน จอมพลัง กล่าวอีกว่า ภายหลังแจ้งความ ปู่เลี้ยงรายนี้ได้หนีไป ขณะนี้เด็กยังต้องเยียวยาตัวเอง ดังนั้นถ้าตำรวจอยากได้เงินมาก เดี๋ยวตนยอมจ่ายให้ จะได้เอาความเป็นธรรมมาให้น้องผู้เสียหาย ขอให้บอกจำนวนด้วยเพราะมันไม่สมควร ตนทำเคสช่วยเด็กมาเยอะ ไม่มีที่จะต้องเสียเงินเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมเช่นนี้ ส่วนเรื่องเหตุการณ์การเกิดเหตุนั้น ปู่รายนี้ได้ข่มขืนน้องมาเดือนหนึ่งหลายครั้ง อาทิตย์หนึ่งมากกว่าสองครั้ง เกือบถึงปี โดยช่วงต้นปี 65 ปู่มักทำกับข้าวให้หลานกิน และชวนหลานเข้าไปกินด้วย โดยปู่รายนี้ได้มาพักอาศัยอยู่กับย่าของน้องได้ 5 ปี ภายนอกปู่ดูนิ่งๆ ดูไม่ดุ ตนจึงมองว่าครอบครัวควรเป็นพื้นที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การรู้ข้อเท็จจริงมาจากอาของน้องผู้เสียหาย ได้ยืมโทรศัพท์ของน้อง จากนั้นไปเห็นว่าน้องมีการกดถ่ายคลิปตอนตัวเองถูกกระทำไว้ เนื่องด้วยน้องกลัวที่บ้านจะไม่เชื่อ เพราะปู่ดูเป็นคนดี และพอหลังเกิดเรื่องขึ้น ปู่รายนี้ก็ทิ้งคนในครอบครัวหมด ไม่มีใครสามารถติดต่อได้ แม้ช่วงแรกๆ มีการอัปเดตเคสจากตำรวจ แต่ช่วงหลังๆ ตำรวจกลับเงียบ

ทั้งนี้ กัน จอมพลัง กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่คนในครอบครัวข่มขืนคนในครอบครัว ตนไม่อยากให้มีการเอาเยี่ยงอย่าง วันนี้พาผู้เสียหายร้องทุกข์ เพื่อให้เห็นว่าคนเหล่านี้ต้องถูกดำเนินคดีเป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนเรื่องเงิน 1 หมื่นบาทนั้น ตนเคยประสานไปยัง ผกก.สภ.เมืองนครปฐม แต่ไม่รับสาย และไม่มีการชี้แจง แต่วันนี้เชื่อว่าถ้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. โทรศัพท์ไป น่าจะมีการแจ้งข้อมูลกลับมา

น.ส.หมี อาผู้เสียหาย ระบุว่า สำหรับบ้านหลังเกิดเหตุ มีคนพักอาศัย คือ ตน แฟนหนุ่มของตน ปู่ผู้ก่อเหตุ ย่า และน้องผู้เสียหาย ซึ่งพฤติการณ์ที่ผ่านมา ตนสังเกตเห็นว่าปู่มักชวนน้องกินข้าวตลอด ชวนไปกินสองคน พักหลังสงสัย เพราะเห็นว่ามีการชวนน้องไปกินข้าวในห้อง อย่างไรก็ตามไม่เคยเห็นปู่ก่อเหตุกระทำอนาจารหลานต่อธารกำนัล และหลานไม่เคยเล่าให้ฟัง รวมถึงไม่มีอาการเศร้าที่ผิดปกติ ตนจึงเสียใจที่เห็นภาพเหตุการณ์เหล่านั้นในเครื่องโทรศัพท์ของหลาน และพอทราบเรื่อง ก็ได้สอบถามปู่ และได้ไปบอกญาติๆ ใกล้บ้าน อีกทั้งที่ผ่านมา ตนทราบว่าหลานเคยไปเล่าให้เพื่อนในห้องเรียนฟังว่าเขามีอะไรกับปู่ แต่เพื่อนไม่เชื่อ เพื่อนเลยแนะนำให้อัดคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ จากที่เคยได้พูดคุยกับปู่ เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เขาปฏิเสธทุกการกระทำ จากนั้นในเช้าวันถัดมา ก็ไม่เห็นปู่ในพื้นที่แล้ว เพราะเจ้าตัวได้หนีไป

น.ส.หมี ระบุอีกว่า ส่วนประเด็นที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม ไลน์แจ้งย่าว่าจะต้องมีการจ้างเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกพื้นที่ไปจับกุม โดยอ้างว่ามีค่าใช้จ่าย 10,000 บาท โดยถือเป็นรางวัลนำจับนั้น ทางครอบครัวยังคงไม่มีการจ่ายแต่อย่างใด เพราะมองว่าการเรียกร้องขอความเป็นธรรม ต้องมีค่าใช้จ่ายด้วยหรือ ทั้งนี้ น.ส.หมี กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า เป็นผู้เสียหายแล้วยังเป็นผู้เสียเงินด้วย ถ้าไม่มีเงิน จะจับคนร้ายไม่ได้หรือ และตนอยากให้ รอง ผบ.ตร. สามารถจับผู้ก่อเหตุให้ได้ เพราะขณะนี้จะครบ 1 ปีแล้ว และล่าสุดก็พบความเคลื่อนไหวของผู้ก่อเหตุจากกล้องวงจรปิดการทางพิเศษ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 66 โดยเจอผู้ก่อเหตุในพื้นที่ จ.ยโสธร อีกทั้งเจ้าตัวยังมีแฟนใหม่อีกด้วย ตนจึงอยากให้มีการเร่งรัดจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย.