เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเหตุการณ์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และพวกรีดไถ ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์ว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบ หากมีการตรวจสอบแล้วจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งเป็นพื้นที่มีข่าวไม่ดีค่อนข้างเยอะ เรื่องตำรวจเราให้ความสำคัญมาก และเป็นเรื่องที่เป็นหนึ่งในกฎหมายที่เราจะยื่นเข้าสู่สภา ตั้งแต่วันแรกๆ เลย เป็น 1 ในกฎหมาย 45 ฉบับ ที่เราจะยื่นเข้าสู่สภา ดังนั้นในเรื่องการปฏิรูปตำรวจเราให้ความสำคัญมากๆ เรื่องตำรวจต้องพูดกันตรงๆ แต่ตนไม่ได้อยากพูดให้พี่น้องตำรวจที่เขาดีๆ เสียใจ แต่ต้องบอกว่ามันมีข่าวฉาวรายวันจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่อง กอส. และส่วย แต่ละเรื่องยังไม่ทันเรียบร้อย มันก็มีเรื่องใหม่ โผล่เข้ามาอีกคือเรื่องการรีดไถนี้ เป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลยอมรับไม่ได้ถ้าเกิดขึ้นจริง และต้องตรวจสอบ 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แน่นอนว่าวันนี้เราเข้าไปสั่งการหรือแทรกแซงอะไรไม่ได้ แต่ยืนยันว่าทันทีที่พรรคก้าวไกลมีโอกาส ทันทีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เข้าไปเป็นนายกรัฐมนตรี ในส่วนของตำรวจจะอยู่ภายใต้การดูแลของนายกฯ เราจะทำหน้าที่ของเรา ในการชำระล้างในส่วนที่เป็นคนไม่ดีต่างๆ ที่อยู่ในองค์กรออกไป และเราจะมีการปรับปรุงโครงสร้างครั้งสำคัญเพื่อทำให้องค์กรตำรวจ เป็นองค์กรที่มีคุณภาพมากที่สุด 1. ตำรวจที่มีความสามารถ ทำผลงาน ปฏิบัติหน้าที่ได้ดี ต้องสามารถที่จะเติบโตได้เป็นหลักการสำคัญ ในเรื่องตั๋ว เส้นสาย ต้องหมดไป 2.ประโยชน์ที่จะเกิดต่อประชาชน ถ้าเราสามารถจัดการเรื่องตั๋ว เรื่องเส้นสายต่อไปได้ เชื่อว่าเราจะได้ตำรวจที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน ไม่ใช่ไปจับคนร้าย แล้วสุดท้ายก็รีดคนร้ายไปด้วย กรณีผู้กำกับโจ้ ก็เป็นกรณีหนึ่งที่เราเห็นในลักษณะแบบนี้ ดังนั้นเราต้องการตำรวจที่มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนจริงๆ ซึ่งทลายตั๋ว จัดการเส้นสาย แล้วเราจะทำให้ตำรวจเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพในการที่จะปราบปรามโจรผู้ร้าย อาชญากรรมได้  

เมื่อถามว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือยกเลิกคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงต้องคุยกัน ตอนนี้มีหลายข้อเสนอ คือ ร่างปัจจุบันเรามี ก.ต.ช. มี คณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งต้องยอมรับว่า ยังมีการถกเถียงกันอยู่ในส่วนของพวกเราเอง เข้าใจว่า ก.ต.ช. เขาออกแบบมาเพื่อเป็นเรื่องของนโยบาย ก.ตร. ก็จะเป็นเรื่องของการบริหารบุคคล แต่ว่าบางส่วนก็มีความคิดว่า ถ้ามันรวมกันมันก็ประหยัดงบประมาณกว่า เพราะสุดท้ายเราก็สามารถจะออกแบบ โดยอาจจะมีแค่ ก.ตร. เพื่อให้ ก.ตร. ทำทั้งในเรื่องนโยบายและการบริหารงานบุคคลด้วย แต่ต้องรอดูรายละเอียดอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่าเราจะตัดสินใจอย่างไร  

ส่วนจะยกเลิกระบบอาวุโสในการแต่งตั้งหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังสรุปไม่ได้ แต่ต้องหาจุดที่ทุกฝ่ายรับได้ เราไม่อยากใช้ระบบที่ตำรวจรับไม่ได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าจะระบบอาวุโส 100% หรือไม่ ก็ต้องไปดูว่าสุดท้ายประโยชน์ที่ประชาชนจะได้มีหรือไม่ เพราะหากใช้ระบบอาวุโส 100% ก็อาจจะไม่ทำอะไรรออย่างเดียว อาจเป็นผลร้ายต่อประชาชน แต่ถ้าไม่มีระบบอาวุโสเลย ตำรวจจะยอมรับหรือไม่ ถึงที่สุดคิดว่าต้องดึงตำรวจทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม ในการออกแบบระบบของตำรวจให้ดีที่สุด