เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่รัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดรับรายงานตัว ส.ส. ชุดที่ 26 เป็นวันที่ 2 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. โดยมีบรรดา ส.ส. ใหม่ ทยอยเข้ารายงานตัวอย่างต่อเนื่อง

นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย(พท.) ให้สัมภาษณ์หลังรายงานตัวว่า ตนถือฤกษ์สะดวก จะได้มาทำความรู้จักกับสภา เพราะตั้งแต่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ไม่เคยมาสักครั้ง ดังนั้นจึงตื่นเต้นและดีใจ เพราะตนไม่ได้เป็น ส.ส. มา 17 ปี ตั้งแต่ปี 49 เพราะระบบการเมืองผิดเพี้ยน เกิดรัฐประหาร 2 ครั้ง โดนยุบพรรคการเมือง ถูกเพิกถอนสิทธิ ทำให้ไม่ได้เป็น ส.ส. ดังนั้นครั้งนี้กลับมาเป็น ส.ส. ใหม่อีกครั้ง ในสภาพการณ์ที่แตกต่างจากเดิมมาก ดังนั้นการทำหน้าที่ ส.ส. หลังจากนี้ คงจะทำอะไรได้มากกว่าสมัยก่อน การพูดในสภาเปลี่ยนไปพอสมควร มีการใช้ข้อมูลมากขึ้น ทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้ประชาชน ทำได้แตกต่างมากกว่าเดิม สามารถทำได้ผ่านสื่อต่างๆ ได้ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ต้องรอตั้งกระทู้ หารือ หรือยื่นญัตติในสภา

“สภาพการเมืองจากนี้ไป ผมเชื่อว่าเข้มข้นในการแก้กฎหมาย ที่สำคัญต้องอยู่ในกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ ที่ ส.ส. มีงานที่ต้องทำ ต้องหาข้อมูล และต้องคิด ศึกษาหาความรู้ แม้จะเคยเป็น ส.ส. มา 7 สมัย แต่สภาพการณ์ใหม่ต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจและปรับตัวให้มากขึ้น ถึงจะทำหน้าที่ได้ตามที่ประชาชนมอบหมาย”

นายจาตุรนต์ ยังกล่าวถึงการจัดปฐมนิเทศ ส.ส.พรรค พท. ในช่วงบ่ายวันนี้ว่าเป็นการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ให้ ส.ส. นำประสบการณ์เก่าแชร์ให้กับ ส.ส. ใหม่ ส่วนกรณีที่มีข่าวระบุจะหารือถึงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วยนั้น ตนทราบว่าตามวาระเป็นการปฐมนิเทศ ส.ส. เพื่อให้การทำงานทำได้ดีขึ้น ส่วนจะแลกเปลี่ยนความเห็นการเมือง จัดตั้งรัฐบาล คาดว่าจะเป็นการพูดถึงในระดับแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ให้ผู้ประสานงานจัดตั้งรัฐบาลได้รับฟัง ไม่ใช่การประชุมเพื่อหามติใดๆ ส่วนกรณีที่แชต ส.ส.เพื่อไทย ที่หลุดนั้น ตนไม่ทราบ เพราะเท่าที่พูดคุยในไลน์ ไม่มีหลุด จึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อถามถึง กรณีที่ ส.ส.พท. ไม่อยากยกตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้กับพรรคก้าวไกลนั้น นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนเห็นจากข่าวเช่นกัน แต่ไม่ได้มีโอกาสพูดคุย เชื่อว่าวันนี้ มีโอกาสไปฟัง ทั้งนี้ตนได้รับแจ้งจากแกนนำผู้ที่ไปหารือการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อ 3 วันก่อนว่า พรรค พท. เห็นว่าพรรคที่ได้ ส.ส. อันดับ 1 ควรจะได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่วนที่เป็นพรรคอันดับ 2 ขอตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นเชื่อว่า จะมีการหารือในแนวทางอีกครั้ง

“ผมเชื่อว่าทางออกของเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้การลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นการลงมติลับ ดังนั้นไม่ทราบว่าใครลงคะแนนให้ใคร แต่โดยปกติแล้วการลงมติดังกล่าวมีมติจากแต่ละพรรคเพื่อแสดงถึงทิศทางเดียวกัน เพื่อแสดงให้เห็นว่า พรรคมีนโยบายจุดยืนไปในทิศทางใด ดังนั้นเชื่อว่าจะหารือกัน และดำเนินการไปตามมติพรรค นอกจากนั้นต้องคำนึงถึงความสำเร็จของการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากหากจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะทำให้กลายเป็นเสียงข้างน้อยในสภา ทำให้ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของประชาชน และอาจจะได้รัฐบาลที่ไมมีความชอบธรรม ดังนั้นควรยึดการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยเป็นอันดับแรก ส่วนตัวเชื่อว่า เมื่อมีการพูดคุยแล้วจะมีทิศทางที่ดี” นายจาตุรนต์ กล่าว

เมื่อถามถึง กรณีที่ปรากฏข่าวว่าจะมีพรรคอื่นเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แข่งกับคนของพรรคก้าวไกล ชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง เพราะได้ข่าว เป็นแบบกึ่งๆ ข่าวลือ ดังนั้นตนเชื่อว่าพรรคการเมืองจะหารือเพื่อเป็นประโยชน์และส่งเสริมการจัดตั้งรัฐบาล จึงควรยึดเป็นเรื่องหลัก

เมื่อถามย้ำว่า การลงคะแนนในตำแหน่งประธานสภา ของ ส.ส.เพื่อไทย จะไม่แตกแถวใช่หรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า “ผมไม่สามารถ เพราะเป็น ส.ส. คนหนึ่ง แต่ต้องพยายามช่วยกัน เพื่อให้ไปด้วยกัน เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ทางการเมืองแม้ว่า การลงมติจะเป็นเอกสิทธิ์ และลงมติลับ แต่ความเป็นพรรคการเมืองที่ประกาศอะไรกับประชาชนการดำเนินการควรไปในทิศทางเดียวกัน”