จากกรณี การเมืองไทยเข้าสู่ภาวะร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัท ITV จำกัด พร้อมขอสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ ทาง ศาลรัฐธรรมนูญ ยังได้รับคำร้อง กรณีที่ นายพิธา และพรรคก้าวไกล เสนอแก้ ม.112 เป็นลักษณะของการล้มล้างการปกครอง โดยมีการแจ้งให้อัยการสูงสุด ส่งหลักฐานเพิ่ม ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 12 ก.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมืองนี้ว่า “แผนพิฆาตพิธา” นายกฯ ตู่วางมือ กกต. ดันส่งเรื่องหุ้นสื่อเร่งให้ศาลรัฐธรรมนูญอย่างเร็ว หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. แม้จะโหวตนายกฯ ได้ แต่ ส.ว. มีข้ออ้าง “ไม่โหวต” เพราะมีปัญหาคุณสมบัติ ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง การแก้ ม.112 ของพรรคก้าวไกลเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง โทษถึงขั้นยุบพรรค ทุกอย่างเชื่อมโยงตามดีลลับ เตือนไว้ก็ไม่เชื่อ หาว่าปั่น

“อานนท์” กำลังปลุกม็อบ ทั้งๆ ที่แต่ก่อนบอกให้ “ระวังชูวิทย์” แล้วตอนนี้จะชวนคนลงถนนประท้วง แต่การลงถนนไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาประชาธิปไตย สถานการณ์ยังไม่สุกงอม อย่าเพิ่งกดดัน จะประท้วงต้องอยู่อีกยาว พิธาไม่ได้นายกฯ ไม่เกี่ยวกับศักดิ์ศรี แต่เกี่ยวกับการเดินเกมการเมือง เรื่องแย่งอำนาจรัฐเขาเดินเกมใต้ดิน จะเอาถึงขนาดก้าวไกลออกจากสมการจัดตั้งรัฐบาล ทักษิณได้กลับบ้าน นี่แค่เกมเปิด ยังมีอีกหลายชั้น เดี๋ยวจะมาหาว่าผมปั่นอีก เตือนก็ไม่เชื่อ สู้กับคนแก่ประสบการณ์สูง อยู่มานาน ใจต้องนิ่ง.

ภายหลังจากมีการโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไปทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่ตั้งคำถามว่าแล้วประเทศชาติจะเป็นอย่่างไรต่อไปในเมื่อ พรรคการเมืองเสียงข้างมาก และ นายพิธา กลับไม่ได้เป็นรัฐบาลหรือนายกฯ ตามที่ประชาชนต้องการ ซึ่ง นายชูวิทย์ ก็ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าวแต่อย่างใด