ท่าทีของพรรคก้าวไกลยังเล่นเกมยื้อขอผนึกแน่นกับ 8 พรรคร่วมไม่ไปไหน โดยอ้างฉันทามติประชาชน 27 ล้านเสียงที่อยากเห็นการพลิกขั้วรัฐบาลเดิม แม้จะมีเสียงชัดๆ จาก “พล.ต.ต.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โพล่งออกมาแทนเพื่อนในกลุ่มว่า“เด็กหนุ่มต้องเสียสละลงจากเรือก่อน” 

ที่ผ่านมา อุ๊งอิ๊ง”แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ชู เศรษฐา ทวีสิน”แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกฯ  เมื่อได้รับสิทธิ์ในการตั้งรัฐบาลที่ต้องแข่งกับเงื่อนเวลาในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 27 ก.ค.นี้  นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จึงเร่งเปิดฉากสะบั้นรักก้าวไกลส่งเทียบเชิญไปยังขั้วรัฐบาลเดิม เริ่มต้นด้วย พรรคภูมิใจไทย ชาติพัฒนากล้า รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา ให้มาร่วมชนแก้ว “มิ้นต์ช็อก” ถกทางออกวิกฤตประเทศ ซึ่งทุกพรรคต่างตีปีกประสานเสียงมีก้าวไกลไม่มีเรา ไม่เอามาตรา 112 ตามด้วยนัดสำคัญในวันที่ 24 ก.ค.นี้ คือ พรรคพลังประชารัฐ ของ บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ  ซึ่งจะเป็นไปตามข่าว ดีลลับ ดีลรัก” ก่อนหน้านี้อย่างไรนั้นจะทราบผลไม่เกินวันที่ 25 ก.ค.นี้   

ขณะที่พรรคก้าวไกลยักไหล่เดินสายทำมวลชนต่อ หลัง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล พักทำใจปมถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.จากกรณีหุ้นไอทีวีอยู่ 2-3 วัน ก็ออกเดินสายภาคตะวันออก จ.ชลบุรี ระยอง โดย พิธา” ยืนยันว่าไม่ยอมถูกถีบออกจากเรือ พรรคก้าวไกลไม่ยอมถอยไปเป็นฝ่ายค้าน สิทธิ์ในการเป็นนายกฯ ยังอยู่ พียงแต่ส่งไม้ต่อให้เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น และขอให้ทุกฝ่ายรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชน  

หากพรรคก้าวไกลยังยึดแนวทาง สู้กับคนหน้าด้าน เราต้องหน้าด้านกว่า”ยืนกรานไม่ยอมถอนตัวออกมาแบบหล่อๆ แล้วรอกวาดแต้มในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทางเลือกในวันที่ 27 ก.ค.ที่จะมีโหวตเลือกนายกฯ จึงมีอยู่ 3 ทาง คือ 1.พรรคเพื่อไทยยังต้องหนีบพรรคก้าวไกลพร้อมแบกเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมเข้าสู่เวทีประชุมรัฐสภาโหวต เศรษฐา” ขึ้นบัลลังก์นายกฯ แต่ผลก็จะกลายเป็นว่าโดนตีตกซ้ำรอย พิธา” เพราะส.ว.ตั้งด่านหินมาตรา 112 ชัดเจน 2.พรรคเพื่อไทยฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคร่วม เตะก้าวไกลไปให้พ้นทาง โดยใช้เสียงพรรครัฐบาลเดิมที่เข้าร่วม วงศ์ไพบูลย์ช็อกมิ้นต์” โอกาสผ่านการโหวตของ ส.ว.เป็นไปได้สูง แต่จะถูก มวลด้อมส้ม รุมถล่มเป็นรัฐบาลที่มีม็อบเต็มเมือง  

ส่วนทางเลือกที่ 3.คือพรรคเพื่อไทยเลือกกอดพรรคก้าวไกลตามเอ็มโอยู 8 พรรคร่วม พร้อมสละสิทธิ์การเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้พรรคที่ 3 หรือพรรคที่ 4 นั่นคือโอกาสทองของขั้วรัฐบาลเดิม ที่มีชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล”  และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เป็นแคนดิเดตนายกฯ ทั้งหมดเป็นทางเลือก แต่จะเป็นทางรอดของประเทศไทยหรือไม่ต้องจับตาดูต่อไป.