เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภศัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ กอ.รมน. แถลงผลการกวาดล้างจับคลุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่และรายย่อยจำนวน 13 เครือข่าย ในห้วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 26 คน ยึดยาบ้าได้ 17,200,000 เม็ด ยาไอซ์ 1,320 กิโลกรัม และคีตามีน 90 กิโลกรัม

พล.ต.อ.ชินภัทร ระบุว่า ขณะนี้ทางตำรวจ ปส. และทุกหน่วยงาน ได้ร่วมกันสกัดกั้นยาเสพติดที่นำเข้าจากต่างประเทศในปริมาณมาก โดยซุกซ่อนในรูปแบบของสินค้านำเข้าทางการเกษตรหรือสินค้าทั่วไป ซึ่งขบวนการเหล่านี้ เชี่ยวชาญการใช้เส้นทางหลบหลีกและเส้นทางสำรองเพื่อให้รอดพ้นการจับกุม อย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาเจ้าหน้าที่ไปได้ จากการร่วมมือทางการข่าวของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้การจับกุมกวาดล้างเพิ่มประสิทธิภาพและสกัดยาเสพติดที่หลุดเข้าสู่สังคมได้มากขึ้น

นอกจากนี้ ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังได้มอบนโยบายให้ตำรวจ ปส. และหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันตรวจสอบและสกัดกั้นการนำเข้าสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดจากต่างประเทศและใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ซึ่งตอนนี้ ตำรวจ ปส. ได้ประสานกับกรมศุลกากร ตรวจยึดตู้คอนเทนเนอร์ที่ลักลอบนำเข้าสารตั้งต้นยาเสพติดที่ท่าเรือ คาดว่าจะดำเนินการเปิดตู้ได้ภายใน 1-2 วันนี้ สำหรับภาพรวมตลอดทั้งปี สามารถจับกุมยาเสพติดได้มากขึ้น ทั้งคดีใหม่ การขยายผลการจับกุมจากคดีเก่า รวมไปถึงการดำเนินการยึดทรัพย์และการเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไป กลุ่มไหนเคยจับกุมแล้วก็ต้องเฝ้าระวังและขยายผลคดี ประชาชนคนใดที่มีเบาะแส ก็สามารถให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสแก่ที่ตำรวจได้

ส่วนบริษัทโลจิสติกส์ต่าง ๆ พบว่า ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการลักลอบขนย้ายยาเสพติด โดยการตบตาว่าขนส่งสินค้าต่าง ๆ ซึ่งจากการข่าวพบว่า ลักลอบขนย้ายยาเสพติดในจำนวนหลักแสนถึงหลักล้าน ตอนนี้หลายบริษัทก็ให้ความร่วมมือกับทางตำรวจเป็นอย่างดี แต่บางบริษัทก็ไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งเรื่องนี้จะแจ้งให้กับทางรัฐบาลใหม่ ดำเนินการจัดการต่อไป เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมบริษัทโลจิสติกส์ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยแบบทุกวันนี้ ผู้ขนส่งหลายรายคิดแต่เพียงว่า รับเงินส่งสินค้าเท่านั้นก็เป็นพอ แต่ไม่รับผิดชอบต่อสังคม และบริษัทก็ไม่ดำเนินการตรวจสอบประวัติคนเหล่านี้ บางรายบัตรประชาชนก็ไม่ตรวจสอบ ซึ่งตนมองว่าหลังจากนี้ ควรต้องประจานบรรดาบริษัทโลจิสติกส์ ที่ไม่ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการตรวจสอบคนขับรถขนส่งและการป้องกันการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านระบบโลจิสติกส์

สำหรับประเทศเพื่อนบ้านนั้น ทุกประเทศต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในเรื่องสกัดกั้นยาเสพติด แต่ต้องเข้าใจว่าสถานการณ์ภายในบางประเทศ เช่น ประเทศเมียนมาที่ยังอยู่ในสภาวะสงครามกลางเมือง จึงอาจจะดำเนินการปราบปรามยาเสพติดได้ไม่ทั้งหมด โดยเฉพาะบางพื้นที่ที่สู้รบกัน และรัฐบาลกลางเมียนมาไม่สามารถเข้าไปจัดการได้ อาจจะเป็นช่องโหว่ที่ทำให้กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดอาศัยพื้นที่สู้รบลักลอบผลิตและส่งเข้ามาในประเทศ

พล.ต.อ.ชินภัทร ระบุเพิ่มเติมว่า ทางตำรวจเตรียมขานรับนโยบายปราบปรามยาเสพติดจากรัฐบาลชุดใหม่ เชื่อว่ารัฐบาลใหม่ชุดนี้จะตั้งใจจัดการแก้ปัญหายาเสพติดไม่แตกต่างจากรัฐบาลชุดที่แล้ว เบื้องต้นทางนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศ ซึ่งทางตำรวจก็ได้ส่งข้อมูลดังกล่าวไปกราบเรียนนายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนหลังเกษียณอายุราชการภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษารัฐบาลเรื่องแก้ปัญหายาเสพติดหรือไม่ พล.ต.อ.ชินภัทร มองว่า เป็นเรื่องของอนาคตรอดูหลังเกษียณดีกว่า ส่วนตอนนี้ตนเหลือเวลาราชการประมาณ 20 กว่าวัน ก็จะทำหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดให้เต็มที่ที่สุด ตราบใดที่พี่น้องประชาชนยังจ่ายเงินเดือนให้กับตนอยู่

สำหรับผลการจับนั้นมีทั้งสิ้น 13 เครือข่าย 26 ผู้ต้องหา โดยจับกุมผู้ต้องหารายแรกคือนายแสง สงวนนามสกุล ซึ่งทำการลักลอบลำเลียง ยาเสพติดไอซ์และคีตามีน จำนวนมากซุกซ่อนมากับรถกระบะในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เบื้องต้นพบว่าภายในรถกระบะ ของผู้ต้องหามีการดัดแปลงแม็กไลน์เนอร์ ซึ่งได้ติดตั้งใหม่ทั้งยังมีการพบรอยเชื่อมของกระบะบรรทุกมีความสูงผิดปกติ จึงได้เข้าตรวจสอบก่อนพบของกลางซึ่งซุกซ่อนอยู่ในช่องดัดแปลง เป็นไอซ์ 22 กิโลกรัม และคีตามีน 50 กิโลกรัม

ผู้ต้องหารายที่ 2 เป็นนายสุรพงษ์ สงวนนามสกุล จับกุมพร้อมรถบรรทุกหกล้อ ได้ที่ด่านตรวจพยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ จากการตรวจค้นโดยละเอียดพบยาบ้าจำนวนสาม 30 กระสอบ ประมาณ 6 ล้านเม็ด ผู้ต้องหามีพฤติการณ์รับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากเครือข่ายชาติพันธ์ุม้ง ในพื้นที่อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ใช้วิธีซุกซ่อนไปกับพืชผลการเกษตร เพื่ออำพรางการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่านำไปส่งให้กลุ่มเครือข่ายใน จ.พระนครศรีอยุธยา และปริมณฑล โดยใช้รถบรรทุกหกล้อเป็นตัวลำเลียง

ผู้ต้องหารายที่ 3 จับกุมนายเสือ สงวนนามสกุล และพวกพร้อมของกลางยาบ้า 4 ล้าน เม็ดในพื้นที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จากการขยายผลเพิ่มเติม พบยังมีกลุ่มลักลอบขนยาเสพติดเป็นชาติพันธ์ุม้ง ชื่อนายสัตยา พร้อมพวก โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์รับจ้างกลุ่มนายทุน ยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย ส่งให้กับลูกค้าของผู้ว่าจ้างในพื้นที่ภาคกลาง เป็นของกลางยาบ้า 1 ล้านเม็ด และไอซ์ 200 กก. ซ่อนบริเวณท้ายกระบะและภายในห้องโดยสารด้านหลัง ทั้งยังจับกุมนายวิวัฒน์ และนางดี ได้ที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก

ผู้ต้องหารายที่ 4 จับกุมนายจิตวัต สงวนนามสกุล โดยมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจาก จ.เชียงใหม่ ส่งให้ลูกค้าของผู้ว่าจ้างในพื้นที่ภาคกลาง โดยจับกุมได้ที่ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย พบยาบ้า 1.9 ล้านเม็ด ซ่อนอยู่บริเวณห้องโดยสารด้านหลังผู้ขับ

ผู้ต้องหารายที่ 5 จับกุมนายชาญชัย สงวนนามสกุล และนายบุญหลา สงวนนามสกุล เป็นเพื่อนสนิทกัน พร้อมพวก มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ นำส่งให้กับลูกค้าของผู้ว่าจ้างในพื้นที่ภาคกลาง สามารถจับกุมนายชาญชัย พร้อมของกลางยาบ้า 6 ล้านเม็ด ซ่อนอยู่ภายในกระบะบรรทุกด้านหลังรถบรรทุก

ผู้ต้องหารายที่ 6 จับกุมผู้ต้องหาสามคนซึ่งรับมอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่พักกลางไปยังพื้นที่สามจังหวัดใช้แดนภาคใต้ โดยเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จากการตรวจค้นพบไอซ์ 500 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในถุงชาสีเขียว ภายในกระสอบสีขาวในกล่องลังโฟมสีขาว

ผู้ต้องหารายที่ 7 เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมนายชยากร หรือน้ำ ทำหน้าที่คนขับ โดยมีนายบุญชัย หรือเอ็ม นั่งมาด้วยกัน ได้ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงหนองเม็ก อ.หนองหาน จ.อุดรธานี พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์จำนวน 170,000 เม็ด

ผู้ต้องหารายที่ 8 เป็นเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดกลุ่มชาติพันธ์ุม้ง ในพื้นที่ จ.เชียงราย ซึ่งจะทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ชายแดน ส่งต่อให้กับกลุ่มบุคคล ในเครือข่ายลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการแสดงตน และให้สัญญาณหยุดรถแต่รถคันดังกล่าว ได้พยามขับชนรถของเจ้าหน้าที่เพื่อหลบหนี จนตกลงภายในร่องน้ำ พบมีชายไม่ทราบชื่อสกุล เป็นคนขับเพียงคนเดียว ก่อนเปิดประตูออกแล้ววิ่งหลบหนีไป จากการตรวจค้นพบไอซ์ ซุกซ่อนอยู่ภายในรถคันดังกล่าว มีน้ำหนักกว่า 599 กิโลกรัม

ผู้ต้องหารายที่ 9 เจ้าหน้าที่สืบทราบถึงเครือข่ายสิงหราช มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ไปส่งให้กับลูกค้าในเขตพื้นที่ตอนในของประเทศ จากการจับกุมพบนายสิงหราช สงวนนามสกุล เป็นผู้ขับขี่ และนายภาณุวัฒน์ สงวนนามสกุล เป็นคนนั่งข้างคนขับ จากการตรวจค้นพบยาบ้า 1 ล้านเม็ด ซ่อนอยู่ในห้องโดยสารด้านหลังคนขับ และฝากระโปรงท้าย

ผู้ต้องหารายที่ 10 เจ้าหน้าที่ขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเจ็ดราย พร้อมของกลางยาบ้า 6 ล้านเม็ด ซึ่งลักลอบส่งยาเสพติดทางพัสดุต้นทางกรุงเทพฯ ปลายทาง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากการสอบปากคำเพิ่มเติม ชุดจับกลุ่มยังพบกล่องพัสดุต้องสงสัยอีก 5 กล่อง จึงทำการตรวจสอบ ผลปรากฏว่าเป็นของกลางยาบ้าบรรจุอยู่ภายในกล่องพัสดุกล่องละ 200,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 1 ล้านเม็ด ซึ่งอยู่ระหว่างรอการขนส่งจากต้นทางกรุงเทพฯ ไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยซุกซ่อนภายในกล่องพัสดุสีน้ำตาล และสีแดง เป็นสินค้าประเภทอะไหล่รถยนต์ ทั้งยังเข้าจับกุมนายพงศกรกับพวก พร้อมของกลางยาบ้าอีก 1 ล้าน เม็ดซ่อนอยู่บริเวณท้ายรถกระบะได้ที่บริเวณ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา

ผู้ต้องหารายที่ 11 จากการสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่พบเครือข่ายชาวอินเดียและปากีสถานนายจาเวด จนนำไปสู่การตรวจยึดคีตามีน 56 กรัม ก่อนรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับนายจาเวด ข้อหา “จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาตและวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า” ก่อนขยายผลเข้าจับกุมนางสาวแอมป์ พร้อมคีตามีน 30 กิโลกรัม ที่บริเวณลานจอดรถภายในซอย 5 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวันกรุงเทพมหานคร และจับกุมนายจาเวด ที่โรงแรมแห่งหนึ่งถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ทั้งยังขยายผลค้นห้องพักแห่งหนึ่ง ในเขตสาทร กรุงเทพมหานคร พบคีตามีน 10 กิโลกรัม

ผู้ต้องหารายที่ 12 เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมนายชยากร สงวนนามสกุล และนายบุญชัย สงวนนามสกุล พร้อมของกลางยาบ้า 170,000 เม็ด ได้ที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ทั้งยังขยายผลจนทราบว่ามีนายณรงค์ศักดิ์ สงวนนามสกุล ซึ่งมีพฤติการณ์รับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากบริเวณชายแดนริมแม่น้ำโขง เข้าสู่ตอนไหนของประเทศ โดยใช้รถกระบะที่ในการลำเลียง ก่อนเข้าจับกุมนายณรงค์ศักดิ์ สงวนนามสกุล ได้ที่ปั๊มแห่งหนึ่งใน อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ และนายยุทธพล สงวนนามสกุล ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถยนต์อีกคัน พร้อมของกลางยาบ้า 180,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ ทั้งขยายผลตรวจค้นยาบ้าอีก 30,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านพื้นที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

ผู้ต้องหารายที่ 13 เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมนายรักชาติสงวนนามสกุล กับพวกรวม 4 คน พร้อมของกลางไอซ์ 500 กิโลกรัม ที่ อ.ท่าเรือจ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนขยายผลพบว่ามีนายสมบูรณ์ สงวนนามสกุล กับพวก ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกลุ่มไปก่อนหน้า มีพฤติการณ์รับจ้างจากกลุ่มนายทุนลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ จ.สมุทรสาคร นำไปส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ และพื้นที่ใกล้เคียงตามคำสั่งของผู้ว่าจ้าง

พล.ต.อ.ชินภัทร กล่าวทิ้งท้ายว่า ฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นชุมชน โรงเรียนสถานศึกษา วัดและศาสนสถาน รวมทั้งองค์กรเอกชนต่าง ๆ ให้ช่วยกันสอดส่องดูแล ป้องกันสกัดปัญหาภัยยาเสพติดผ่านนโยบายชุมชนเข้มแข็งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเชื่อว่าหากภาคประชาชนเข้มแข็ง ก็จะช่วยสามารถลดปัญหายาเสพติดภายในประเทศได้.