จากกรณีวานนี้ (14 พ.ย.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้จับกุมตัว นายวิรัช ภูริฉัตร อายุ 69 ปี กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด WEALTY & HEALTHY FOODS CO.,LTD. และบริษัท เดอะ กู๊ด ช็อป จำกัด THE GOOD SHOP CO.,LTD นายธนกฤต ภูริฉัตร อายุ 42 ปี (บุตรชายของนายวิรัช ภูริฉัตร) ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3654-3655/2566 ซึ่งเป็นกลุ่มนายทุน สั่งเนื้อหมูแช่แข็งเข้ามาในประเทศไทย ในความผิดฐานหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากร ที่ต้องเสียสำหรับของนั้นๆ โดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์ หรือซากสัตว์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ก่อนถูกคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 59/2566 สอบปากคำและให้ประกันตัวในชั้นสอบสวนนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 15 พ.ย. “ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์” ได้รับการเปิดเผยจากคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ ว่า สำหรับการสอบปากคำ 2 ผู้ต้องหาวานนี้ ทั้งคู่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และเปิดเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อาทิ ให้การว่าตนเองนั้นมีการจ่ายเงินให้กับบริษัทชิปปิ้งเอกชน 2 แห่ง คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด กันตา ไทยโฟรเซ่นฟิช จำนวน 23 ตู้ และบริษัท มายเฮ้าส์ เทรดดิ้ง จำกัด จำนวน 10 ตู้ รวมทั้งหมด 33 ตู้คอนเทเนอร์ ซึ่งคำให้การมีความสอดรับกับคำให้การของกลุ่มชิปปิ้งเอกชนที่ดีเอสไอได้จับกุมไปแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ บริษัทชิปปิ้งเอกชนได้มีการซัดทอดว่าเนื้อหมูแช่แข็งที่นำเข้ามานั้น นิติบุคคลใดเป็นผู้สั่งให้นำเข้า ซึ่งหนึ่งในกลุ่มนายทุนก็คือสองพ่อลูกคู่นี้

ขณะที่คำให้การของสองพ่อลูก ระบุว่า มีเงินส่วนหนึ่งที่ได้จ่ายให้กับ 2 บริษัทชิปปิ้งเอกชน โดยเป็นเงินที่เรียกว่าค่าเคลียร์ของ ซึ่งยอดเงินนั้น บริษัทชิปปิ้งเอกชนเรียกเงินตกตู้ละ 30,000 บาท และชิปปิ้งเอกชนจะรับหน้าที่ในการจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้ เมื่อทั้งคู่ให้ความร่วมมือให้การเป็นอย่างดี จึงเป็นสาเหตุให้พิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว อีกทั้งที่ผ่านมาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี เพราะมีการประสานขอเข้ามอบตัวกับดีเอสไออย่างต่อเนื่อง แต่ติดปัญหาเรื่องการว่าจ้างทนายความ จึงลงตัววันที่ 14 พ.ย. เดินทางกลับจากเวียดนามมายังประเทศไทย ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหายอมให้การเปิดเผยข้อมูลสำคัญทั้งหมด อาจเพราะรู้ดีว่าข้อมูลต่างๆ นี้จะสามารถขยายผลไปสู่การเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องและตัวเองอาจจะได้รับการพิจารณาถูกกันไว้เป็นพยานได้

คณะพนักงานสอบสวน เผยถึงกระบวนการทำงานของบริษัทชิปปิ้งเอกชน ว่า ชิปปิ้งจะทำหน้าที่สั่งสินค้าเข้ามาเพื่อออกของ แต่การสั่งของนี้จะเป็นการสั่งสินค้าตามออร์เดอร์ของพ่อค้าคนกลางหรือกลุ่มนายทุน เช่น สองพ่อลูกคู่นี้ และเมื่อได้รับสินค้ามาแล้วก็จะกระจายส่งไปยังห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ โดยกรณีของผู้ต้องหา ทราบว่าได้กระจายเนื้อหมูส่งไปยังผู้สั่งซื้อหลายสิบราย ซึ่งมีลักษณะเป็นศูนย์กระจายสินค้า ไม่ใช่เขียงหมูตามตลาดนัดทั่วไป

เมื่อถามว่ากรณีของสองพ่อลูกคล้ายถูกขูดรีดจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ คณะพนักงานสอบสวน อธิบายว่า เมื่อสินค้าจะมาถึงประเทศไทย ชิปปิ้งเอกชนก็ต้องนำเงินที่ได้รับจากนายทุน (สองพ่อลูก) ไปเคลียร์กับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากถามว่าไม่เคลียร์ได้หรือไม่ ก็ทำได้ แต่สินค้าจะไม่ได้ออกจากท่าเรือแหลมฉบัง อีกทั้งค่าใช้จ่ายที่เช่าวางตู้คอนเทเนอร์นั้น ผู้ต้องหาให้การว่ารายจ่ายตกวันละ 3,000 บาท แต่ถ้าผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ จะกลายเป็น 7,000 บาท ทำให้ผู้ต้องหายอมจำนนจ่ายค่าเคลียร์ของดังกล่าวเพื่อให้จบ และสินค้าจะได้นำส่งไปตามออร์เดอร์ต่างๆ ได้ ไม่อย่างนั้นสินค้าจะเน่าเสีย หรือแม้กระทั่งเหตุผลที่ว่าเป็นตู้คอนเทเนอร์มีแอร์ แต่ถ้าผ่านวันเวลาไป คุณภาพของเนื้อหมูก็จะลดลง ถึงแม้จะอยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นก็มีการคายน้ำในเนื้อหมูได้ ทำให้ยิ่งปล่อยไว้นานวัน ก็จะทำให้มีแต่เสียกับเสีย

คณะพนักงานสอบสวน เผยอีกว่า สำหรับเนื้อสุกรแช่แข็งที่ผู้ต้องหานำเข้าและได้มีการแจ้งว่าเป็นการนำเข้าเพื่อแปรรูป ทำให้กลุ่มผู้ต้องหาจะต้องดำเนินการภายในสามวัน เพราะมันเกี่ยวข้องกับระเบียบกรมปศุสัตว์ ดังนั้น แม้ว่าจะมีการนำเข้าเนื้อหมูอย่างถูกต้อง แต่ถ้าหากพ้นกำหนดวันก็จะกลายเป็นหมูเถื่อนอยู่ดี ทำให้ทุกกระบวนการ ผู้ต้องหาจะต้องรีบดำเนินการทั้งหมด นอกจากนี้ ก่อนที่ผู้ต้องหาจะมาประกอบกิจการสั่งนำเข้าเนื้อหมูแช่แข็ง ยังเคยเป็นเกษตรกรเลี้ยงหมูมาก่อนด้วย แต่เนื่องด้วยสาเหตุกฎระเบียบที่ค่อนข้างหลายขั้นตอนของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้ไปไม่รอด จึงต้องผันตัวมาเป็นนายทุนเอง

เมื่อถามว่า วานนี้ทางฝ่ายสื่อสารองค์กร แม็คโคร ได้มีการเผยแพร่เอกสาร “ประณามการนำเข้าหมูเถื่อน ทำลายเกษตรกร ย้ำความโปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้ 100% พร้อมสนับสนุนภาครัฐเต็มที่” หลังจากที่มีการรายงานข่าวไปว่าแม็คโครได้มีการสั่งซื้อเนื้อหมูแช่แข็งจากบริษัทของสองพ่อลูก ในกรณีนี้ทางดีเอสไอมีแนวทางอย่างไรบ้างนั้น คณะพนักงานสอบสวน เผยว่า ทางดีเอสไอได้มีการสืบสวนสอบสวนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รับเป็นคดีพิเศษ ดังนั้น พยานวัตถุ พยานเอกสาร พยานหลักฐานต่างๆ เราได้มีครบทั้งหมดแล้ว และเมื่อเข้าสู่การรวบรวมหลักฐานแล้วพบว่าบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลใดก็ตามมีความเกี่ยวข้องในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งจริงต่อการสั่งซื้อเนื้อหมูจากกลุ่มผู้ต้องหาของดีเอสไอ แม้จะหยุดการซื้อ-ขายไปก่อนแล้วก็ตาม เราก็จะต้องมีการตรวจสอบและเรียกมาสอบถามชี้แจงตามขั้นตอน ยืนยันว่าพร้อมให้ความเป็นธรรม

คณะพนักงานสอบสวน เผยถึงการทำงานประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่า ดีเอสไอได้มีการทำงานร่วมกันกับ ปปง.มาอย่างต่อเนื่องและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเสมอ แต่เบื้องต้นยังไม่ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินใดของสองพ่อลูกไว้ตรวจสอบ เพราะขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนของการสอบสวนทางคดีและขยายผล.