เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 พ.ย. ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย (มท.3) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ครั้งที่ 1/2566 โดยนายชาดา กล่าวว่า ที่ประชุมได้รายงานบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพลที่พิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการระดับจังหวัด จำนวน 66 จังหวัด ซึ่งมีจังหวัดที่ได้รับการประเมินเป็นพื้นที่สีเขียว 10 จังหวัด ไม่พบรายชื่อผู้มีอิทธิพล สำหรับบุคคลต้องสงสัยว่ามีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพล สีแดง และสีเหลือง ได้แบ่งตามพฤติการณ์การกระทำผิด โดยผู้มีอิทธิพลส่วนมากมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รองลงมาคือ นายทุนปล่อยกู้นอกระบบ บุกรุกที่ดินสาธารณะ/ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และเปิดบ่อนการพนันออนไลน์ รวมถึงยังได้รับรายงานรายชื่อบุคคลต้องสงสัยว่ามีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน 

นายชาดา กล่าวว่า สำหรับการเปิดปฏิบัติการ (Kick off) มหาดไทย ได้ให้จังหวัด และอำเภอ จัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษ เพื่อเริ่มดำเนินการในส่วนนี้แล้ว พร้อมมาตรการจัดระเบียบสังคม และการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล รวมถึงการกำกับดูแลควบคุมการใช้อาวุธปืน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน การควบคุมและดูแลสถานบริการ หรือสถานบริการที่เปิดให้บริการลักษณะเดียวกับสถานบริการ การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และมาตรการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด 

นายชาดา กล่าวว่า คำว่าผู้มีอิทธิพลในที่นี้ได้ถูกให้คำนิยาม หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่กระทำการหรือสั่งการอันละเมิดต่อกฎหมาย โดยใช้อำนาจทางการเงิน ตำแหน่งหน้าที่การงาน สถานะทางสังคม หรือปัจจัยอื่นใดไปคุกคาม กดขี่ ข่มเหง หรือรังแกประชาชน ให้ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย จิตใจ เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน ดังนั้นผู้มีอิทธิพลจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าอำนาจรัฐเข้มแข็ง ภาครัฐจึงต้องบูรณาการอย่างเข้มแข็ง ทีมอำเภอ ทีมจังหวัดต้องเข้มแข็ง เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับพี่น้องประชาชน 

“ผู้มีอิทธิพลเกิดจากช่องโหว่ของรัฐ ช่องว่างของอำนาจรัฐ การที่ภาครัฐไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ ทำให้ประชาชนต้องหาหนทางเอง ถ้าไปเจออิทธิพลดี ก็ช่วยประชาชน แต่ถ้าอิทธิพลที่ไม่ดี แสวงหาผลประโยชน์ ก็ทำให้เกิดอาชญากรรมต่างๆ ทั้งเรื่องยาเสพติด การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้นหากรัฐที่สามารถดูแลพี่น้องประชาชนได้ดี เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ก็จะไม่เกิดผู้มีอิทธิพล สิ่งนี้เป็นต้นตอของปัญหาจากการที่รัฐใช้อำนาจไม่เป็นธรรม” นายชาดา กล่าว 

นายชาดา กล่าวด้วยว่า การป้องกันปราบปรามผู้มีอิทธิพลนี้ จำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือกันของทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และกลไกในระดับพื้นที่ โดยในขั้นต้นจะได้แจ้งให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบกลั่นกรอง ทบทวนปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบัญชีรายชื่อบุคคลต้องสงสัยว่ามีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพล รวมถึงข้าราชการ นักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภทร่วมกับส่วนราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีฐานข้อมูลถูกต้อง ครบถ้วน เป็นธรรม และเป็นปัจจุบัน รวมทั้งได้กำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน เพื่อที่จะทำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด ต้องแยกปลาแยกน้ำ สอบสวนให้ชัดระหว่างผู้เสพและผู้ค้า โดยควรจัดตั้งศูนย์อบรมภาค โดยทีมสหวิชาชีพ ทั้งนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ นักบำบัด การส่งเสริมและฝึกอาชีพ ฝึกร่างกาย วินัยและธรรมะ เราต้องแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะเด็กเยาวชนในคดียาเสพติด.