เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา ตม.จว.สมุทรสาคร นำโดย พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.ท.ชุติพงษ สืบสาย รอง ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร พ.ต.ท.จิรโชติวัจน์ คล้ายคลึง สารวัตรและหัวหน้าชุดตรวจค้น พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน 30 คน นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรสาคร เข้าปิดล้อมตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าและที่พักอาศัยแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ภายหลังตรวจค้นปรากฎว่า พบผลิตภัณฑ์ยาอันตราย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ รวมกว่า 4,000 รายการ รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นที่เก็บสินค้าจำพวกผลิตภัณฑ์ยาอันตราย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ โดยมี นางอิน (นามสมมุติ) สัญชาติเมียนมา ทำการโฆษณาเชิญชวนและจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Facebook Tiktok จนมีผู้ร่วมติดตามหลักหลายหมื่นคน อีกทั้งในทางการสืบสวนปรากฎพบว่า นางอิน มีพฤติการณ์เชิญชวนให้ชาวเมียนมา มาร่วมลงทุนต่ออีกทอดหนึ่ง (Downline) และตั้งตนเป็นผู้นำเครือข่ายธุรกิจ (Upline)

โดยสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีการบรรยายสรรพคุณไปในลักษณะการเสริมสมรรถภาพทางเพศทั้งของผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งเป็นสินค้าที่จะต้องมีการควบคุมดูแล และต้องขออนุญาตก่อนที่จะจำหน่ายได้ ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 อีกทั้งยังปรากฎพบกลุ่มสินค้า ผลิตภัณฑ์ยาอันตราย ที่มีการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้าอยู่ในความครอบครองอีกด้วย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้มีการแจ้งข้อหาและจับกุม นางอิน ในความผิด ตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560, พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510, และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 พร้อมตรวจยึดของกลาง นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.โคกขาม จ.สมุทรสาคร

พ.ต.ท.จิรโชติวัจน์ หัวหน้าชุดผู้ตรวจค้น ได้ให้ข้อมูลว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำของคนต่างด้าวที่มีลักษณะเย้ยหยันต่อกฎหมาย แสดงถึงความไม่เกรงกลัว ไม่รับผิดชอบต่อชีวิตร่างกายของผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นการทำงานในลักษณะแย่งอาชีพคนไทย จึงเป็นที่มาของการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายค้น ก่อนจะจับกุมผู้ต้องหาเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลต่างด้าวที่คิดจะทำผิดกฎหมายลักษณะเดียวกัน

นอกจากนี้ในส่วนของคนไทยและคนต่างด้าว ที่มีการสนับสนุนในเรื่องของสถานที่พักอาศัยหรือสถานที่จัดเก็บ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยการรู้เห็นด้วยหรือไม่รู้เห็น หรือรู้เห็นแล้วเพิกเฉย ก็อาจมีความผิดเข้าข่าย ตาม ม.37 และ ม.38 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือกฎหมายอื่น ๆ ได้ โดยในการตรวจค้นครั้งนี้ ได้มีการจับกุมเจ้าบ้านและคนต่างด้าวที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน ดำเนินคดีตาม ม.37 และ ม.38 รวมเกือบ 30 ราย มีการเปรียบเทียบปรับเป็นจำนวนเงินกว่า 100,000 บาทด้วย.