เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 4 ม.ค.67 ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บริเวณท้ายรถกระบะซึ่งบรรทุกสารเคมี เหตุเกิดบริเวณ ซอยพรสว่าง 7 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลับรับแจ้งจึงประสาน รถดับเพลิงจากเทศบาลสำโรงเหนือ พร้อม เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในซอยพรสว่าง ซึ่งเป็นซอยเชื่อมระหว่าง ซอยวัดด่านสำโรง และ ซอยแบริ่ง โดยเจ้าหน้าที่พบกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากท้ายรถยนต์กระบะที่ติดแครี่บอย ซึ่งภายในมีถังขนาด 200 ลิตร มีควันพวยพุ่งออกมาจากถัง เจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำสเปรย์ลดควันบริเวณตัวรถ ก่อนปิดกั้นที่เกิดเหตุไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผ่าน จากนั้นนำถังลงมาด้านล่าง ซึ่งจากการใช้น้ำไม่สามารถทำให้เพลิงที่ลุกไหม้อยู่ในถังสงบได้ แต่กลับทำให้เพลิงโหมแรงขึ้นจนทำให้เกิดเสียงดังเป็นระยะ เจ้าหน้าที่จึงยุติการใช้น้ำ ก่อนที่จะวางแผนใช้ทรายแห้งมาทำการกลบเพื่อให้เพลิงสงบ เนื่องจากถังดังกล่าวนั้น บรรจุสารเคมี อลูมิเนียมฟอสไฟด์ เป็นสารเคมีที่มีพิษสูงมาก ที่ใช้กำจัดศัตรูพืชทางการเกษตร โดยจากการที่เจ้าหน้าที่เปลี่ยนการควบคุมเพลิงเป็นการใช้ทรายนั้น เพียงไม่นานเพลิงที่ลุกไหม้ก็ดับลง เจ้าหน้าที่จึงทำการเคลื่อนย้ายไปทำลายต่อที่โรงงานในซอยแบริ่ง 

นายทศวิน มีแสง อายุ 37 ปี คนขับรถบรรทุกสารเคมีดังกล่าว กล่าวว่า มาจาก จ.นนทบุรี กำลังที่จะนำสารเคมีไปกำจัดที่ซอยแบริ่ง 66 ตอนขับออกมาไม่ได้มีเหตุการณ์ผิดปกติไม่ได้มีกลุ่มควันแต่เริ่มมาผิดสังเกตตอนถึงย่านสำโรง สารที่อยู่ในรถบรรทุกเป็นสารอลูมิเนียมฟอสไฟด์ ทำปฏิกิริยากับอากาศจึงทำให้เกิดการเผาตัวของมันเองสารเคมีที่บรรทุกมามีประมาณ 5 กล่อง สำหรับสารเคมีชนิดนี้ ถ้าหากสูดดมในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนศรีษะ และ ถ้าหากรุนแรงก็จะมีอาการอาเจียนร่วมด้วย ซึ่งถ้าหากสูดดมสารชนิดนี้นานถึง 15 นาที ก็มีความเสี่ยงอันตรายกับชีวิตได้

ต่อมา ดร.ลือกฤต เพชรบดี นายกเทศมนตรีตำบลสำโรงเหนือ กล่าวว่า สารเคมีดังกล่าว ทำให้คนขับตกใจ เนื่องจากเกิดปะทุมาที่ถนนสุขุมวิท ก็พยายามหลบมาที่ว่างเปล่าแต่บังเอิญมาเข้าที่หมู่บ้านที่เป็นชุมชนหนาแน่น ตอนนี้กำลังหาทางนำสารเคมีตัวนี้ไปในที่โล่งเพื่อที่จะให้มันละเหยไปให้หมด สารเคมีตัวนี้มันก็จะเหยไป ตัวนี้เป็นตัวที่กำจัดแมลงที่เขาป้องกันไม่ให้แมลงมากินพวกผลไม้ ต่างๆ ที่ชาวสวนชาวไร่เก็บผลไม้มา ที่ขนมาประมาณ 200 ลิตร จากการสอบถามผู้แล้วว่าสารตัวนี้ไม่ระเบิดแต่ว่ามันจะมีเคมีออกมาเรื่อยๆ ก็ต้องปล่อย เพราะเนื่องจากการระงับเบื้องต้นผิดพลาดไปใช้น้ำไม่ได้ ใช้ทรายเปียกไม่ได้ เพราะการที่เราไปดำเนินการแบบนั้นแล้วมันก็เป็นปัญหา จริงๆแล้วเรามีโรงงานในระยะใกล้แต่เข้าตัวเมืองมันมีที่สามารถกำจัดได้ แต่เมื่อมันเกิดปะทุแบบนี้เขาก็เอาไปกำจัดไม่ได้ก็เลยต้องหาที่โล่งปล่อยให้ละเหยไปให้หมด แผนต่อไปคือกำลังนำรถเครนยกตัวนี้ขึ้นท้ายกระบะ เพื่อเอาสารเคมีไปอยู่ในที่โล่งเนื้อที่ประมาณ 9 ไร่ เพื่อไประเหยออกให้หมด คาดว่าใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ด้าน พ.ต.ต.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.สำโรงเหนือ กล่าวว่า จริงๆ แล้วต้องมีใบอนุญาตในการขนย้าย จากการตรวจสอบใบอนุญาตเบื้องต้นที่เขาส่งให้ดูเป็นใบอนุญาตที่มีไว้ครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายซึ่งก็รวมถึงสารตัวนี้ด้วย โดยการขนวัตถุนี้รถก็ต้องเป็นไปตามแบบที่ทางกระทรวงสาธารณะสุขกำหนดว่าต้องเขียนว่าวัตถุอันตราย แต่ว่ารถเบื้องต้นที่ตรวจสอบไม่มี ทางเราได้ถามเขาแล้วว่ารถที่ใช้ขนปกติเสียเขาเลยเอารถกระบะคันนี้มาขน ก็เดี๋ยวจะตรวจสอบลายละเอียดต่อไป แต่ว่าตอนนี้ได้ปิดกั้นการจราจรโดยรอบ รอการเคลื่อนย้ายสารตัวนี้ที่ละเหยแล้ว หากทางสาธารณะสุขบอกว่ากลุ่มควันไม่มีแล้วก็ถือว่าปลอดภัย ส่วนเรื่องการดำเนินคดีสำหรับการขนย้ายอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เราทราบตัวคนขับ ทราบตัวเจ้าของผู้ประกอบการแล้ว.