เมื่อวันที่ 15 ม.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้ทราบเรื่องที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการเช่ากำไลอีเอ็มของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ในสมัยที่ตนเป็น รมว.ยุติธรรมแล้ว ซึ่งนายศรีสุวรรณเป็นนักร้องเรียนที่มีผลงาน แต่คงได้รับข้อมูลเรื่องนี้ไม่ครบ เพราะการกล่าวหาว่าตนปล่อยปละละเลยให้กรรมการทีโออาร์และกรรมการจัดซื้อกระทำทุจริตกันตั้งแต่ต้นน้ำนั้น ตนยืนยันว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะการเช่ากำไลอีเอ็มเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และไม่เคยปล่อยปละละเลย เพราะได้มอบนโยบายในที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมในเวลานั้น ซึ่งมีปลัดกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีกรมต่างๆ ให้ติดตามเรื่องกำไลอีเอ็มว่าถ้าการจัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ ก็ให้ยกเลิกได้ทันที เพราะตนมีเป้าประสงค์เรื่องความโปร่งใสอยู่แล้ว รวมถึงจากกรณีที่เคยพบปัญหากำไลอีเอ็มถูกถอดออกได้เมื่อเดือนส.ค.2562 ก็มีการตั้งกรรมการสอบอย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าไม่เคยปล่อยปละละเลย

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่ามีการวิ่งเต้นล็อบบี้ให้อนุมัติสัญญาจ้างนั้น ตนขอย้ำว่าไม่มีการวิ่งเต้น เพราะกรมคุมประพฤติชี้แจงกมธ.ติดตามงบประมาณแล้ว และกรรมาธิการฯ ไม่ได้มีข้อสงสัยเพิ่มเติม จึงถือว่าการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ส่วนสเปกของกำไลอีเอ็มไม่ได้ล้าสมัย เพราะผ่านการพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ระดับกระทรวง และคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ภาครัฐแล้ว รวมถึงมีหน่วยงานที่ใช้กำไลอีเอ็มอยู่แล้วคือสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งมีผลการใช้งานเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ยังได้มีการศึกษาเปรียบเทียบจากต่างประเทศ อาทิ อิสราเอล เกาหลี สหรัฐ ด้วย

“รัฐมนตรีไม่สามารถล็อกสเปกเพื่อช่วยเหลือใครได้ เพราะสเปกถูกกำหนดโดยกรรมการและนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ อีกทั้งต้องประกาศให้สาธารณชนทราบ รวมถึงต้องมีบริษัทเข้าร่วมแข่งขันอย่างน้อย 3 บริษัท และขอยืนยันว่าได้เปิดโอกาสให้ปรับแก้สเปกของกำไลอีเอ็มอย่างเต็มที่ เพราะมีการประกาศเชิญชวนและเปิดเผยข้อมูลทุกขั้นตอนผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของกรมบัญชีกลาง เพื่อให้ผู้ที่สนใจมาศึกษาและมีการวิจารณ์ แนะนำ ท้วงติง เกี่ยวกับคุณสมบัติ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ต้องนำมาพิจารณาร่วมอยู่แล้ว รวมถึงตัวอุปกรณ์ต้องมีการแข่งขันไม่น้อยกว่า 3 ผลิตภัณฑ์ จึงไม่ใช่เป็นการปิดโอกาสในการแก้สเปก” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการกล่าวอ้างว่าอุปกรณ์นี้ทำงานผิดพลาดหลายครั้งนั้น ที่จริงอุปกรณ์มีการดำเนินการปกติ แต่เนื่องจากการทำงานของอุปกรณ์มีการแจ้งเตือนเป็นจำนวนมาก และเครื่องต้องส่งสัญญาณเพื่อแจ้งเตือนตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหากมีการตรวจพบการชำรุดเสียหายของอุปกรณ์ เจ้าหน้าที่จะเร่งแจ้งบริษัทให้นำเครื่องใหม่มาเปลี่ยนทันที ส่วนที่อ้างว่ามีกรรมการรับสารภาพว่าไม่ได้ร่วมประชุมและลงนามใดๆ นั้น ตนตรวจสอบแล้ว พบว่าในวันลงมติมีกรรมการไม่เข้าร่วม 2 คน จึงไม่ถือว่าขาดองค์ประชุม อย่างไรก็ตาม การร้องเรื่องนี้ของนายศรีสุวรรณอีกครั้ง ทั้งที่ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งข้อสังเกตว่ามีอะไรแอบแฝงหรือไม่ เพราะอุปกรณ์ของกระทรวงยุติธรรมคล้ายกับของศาล แต่กลับพุ่งเป้าร้องเรียนกรณีของกระทรวงยุติธรรม และเป็นข้อกล่าวหาแบบเลื่อนลอยที่เน้นใช้วาทกรรมเท่านั้น แต่ตนยืนยันข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามข้อกฎหมายทั้งหมด และจากนี้ ตนขอใช้สิทธิตามกฎหมาย โดยมอบให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการฟ้องนายศรีสุววรณอย่างละเอียดในทุกกรณี