เมื่อวันที่ 27 ก.พ. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยผลการจับกุมตัว นายวัฒนา (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอ่างทอง ที่ 35/2567 ลงวันที่ 7 ก.พ. 67 ในข้อหา “โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา และฉ้อโกงทรัพย์หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” โดยสามารถจับกุมได้ที่ โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งใน กทม.
พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 66 ผู้เสียหายได้ทำการสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ แต่ไม่ได้รับสินค้าแต่อย่างใด จึงได้โทรฯ ไปยังทางร้านค้าที่ให้ข้อมูลไว้ในแพลตฟอร์มดังกล่าว จากนั้นมิจฉาชีพจึงยื่นข้อเสนอว่า “หากยังไม่ได้รับสินค้า ขอเป็นคืนเงินให้ลูกค้า” ทำให้ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ และทำตามขั้นตอนที่มิจฉาชีพแจ้งให้ดาวน์โหลดแอปมาติดตั้ง และให้กรอกข้อมูลบัญชีธนาคาร และสแกนใบหน้า โดยใช้เวลาในการพูดคุยสนทนา 30 นาที เมื่อผู้เสียหายทำขั้นตอนครบถ้วน ปรากฏว่า ยอดเงินในบัญชีที่ผูกกับเบอร์โทรศัพท์ ถูกดูดไปจำนวน 5 ครั้ง ครั้งละ 2-3 หมื่นบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 150,000 บาท ผู้เสียหายแน่ใจว่า ถูกมิจฉาชีพหลอก จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งต่อมา จากการสืบสวนสอบสวนเบอร์หมายเลขโทรศัพท์และบัญชีธนาคาร จดทะเบียนในชื่อ นายวัฒนา ผู้ต้องหา และนำไปสู่การจับกุมในเวลาต่อมา
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหายังยอมรับสารภาพว่า ตนรับจ้างเปิดบัญชีจริง แต่ไม่ทราบว่าผลตามมาจะหนักขนาดนี้ โดยให้การว่า เดิมตนพักอาศัยอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ โดยเมื่อกลางปี 66 มีคู่สามีภรรยา ที่อยู่ใกล้บ้านตน มาว่าจ้างให้ตนเปิดบัญชีให้ ตนจึงเปิดให้ 1 บัญชี คือธนาคารออมสิน ได้รับค่าจ้าง 1,000 บาท เมื่อตนเปิดให้ได้ระยะหนึ่ง มาทราบภายหลังว่า คนในชุมชนถูกออกหมายเรียกและหมายจับจากการเปิดบัญชีให้คู่สามีภรรยาดังกล่าว ตนจึงกังวลว่าอาจตกเป็นผู้ต้องหาได้ในอนาคต จึงปิดบัญชีทันที ภายหลังที่เปิดได้ไม่นาน และยังให้การว่า คู่สามีภรรยาดังกล่าว ถูกออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อย
“ทั้งนี้ การที่ตนเดินทางมายัง กทม. เนื่องจากตนมีการนัดออกเดทกับหญิงรายหนึ่งใน กทม. จึงเดินทางมาตามนัด ที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง ยังไม่ทันมีความสุข ก็มาโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเสียก่อน”
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ที่กระทำความผิดทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่าหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพ ซึ่งแฝงตัวมา ส่วนเจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เบื้องต้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอ่างทอง ดำเนินคดีต่อไป
